แกว่งตัวผันผวน

แกว่งตัวผันผวน

ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีปิดปรับตัวลง คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดไร้ปัจจัยใหม่หนุน

ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,526.30 จุด (-6.47 จุด) Volume 6.2 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,578.40 ลบ. TFEX Net  -8,156 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 63 เซนต์ +1.2% ปิดที่ 52.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากคาดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจส่งผลกระทบแค่ในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจโลก และมีความหวังว่า ธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

+ จีนเตรียมใช้มาตรการสนับสนุนทางการเงินรับมือไวรัสโควิด 19 ระบาดกระทบเศรษฐกิจ

+ สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สอดคล้องคาดการณ์

+ คลัง-แบงก์ชาติ พร้อมออกแพ็กเกจชุดใหญ่ปลายเดือนมีนาคมนี้ อุ้มธุรกิจท่องเที่ยวจากผลกระทบไวรัส  Covid-19 ระบาด

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 25.23 จุด -0.09% เนื่องจาก นลท.ยังคงวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

-เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนม.ค.

-ญี่ปุ่นเปิดเผย GDPไตรมาส 4/2562 หดตัว 6.3% หดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2557 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัวราว 3.7%

-ปัจจัยการเมืองมีความไม่แน่นอนจากศาลรธน.จะวินิจฉัยยุบ/ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 ก.พ.

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 26,518.97 ลบ. ค่าเงินบาท 31.20 บาท/US

*จับตาสภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 4/62

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 หลังคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในอัตราต่ำสุดในไตรมาส 1Q63 โดยยังมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,525-1,540 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากกการเบิกจ่ายงบประมาณ (CK STEC SEAFCO PYLON)
  • หุ้นได้รับประโยชน์จากการประมูล 5G (SAMART INSET ITEL ALT )

หุ้นรายงานพิเศษ

หุ้นกลุ่ม ICT : อัพเดทผลประมูล 5G

ประมูล 5G คึกคัก ขายออก 48 ใบอนุญาต จาก 49 ใบอนุญาต ยอดเงินสะพัด 100,521 ล้านบาท ADVANC ยกเข่งคว้าทั้ง 3 คลื่น รวม 23 ชุด ครองคลื่นมากสุดรวม 1310 MHz ขณะที่ TRUE พลาดท่าไม่ได้คลื่น 700 MHz แต่ได้คลื่น 2600 MHz และ 26 GHz รวม 17 ชุด ครองคลื่นรวม 890 MHz ส่วน DTAC มักน้อยเอาแค่คลื่น 26 MHz รวม 2 ชุด ได้คลื่นรวม 200  MHz ฟาก TOT ได้ 4 ชุด และ CAT ได้ 2 ชุด ด้าน กสทช.จ่อรับรองผลประมูล 19 ก.พ.นี้ คาดผู้ชนะประมูลมาจ่ายเงินงวดแรก และขอรับใบอนุญาตคลื่น 2600 MHz-26 GHz ภายในสิ้น ก.พ. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

ความเห็น : ADVANC มีความได้เปรียบในการทำการตลาด 5G มากที่สุดเนื่องจากชนะประมูลทุกคลื่อนความถี่ ส่งผลให้มี Bandwidth มากที่สุด จึงมีความได้เปรียบในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง รองลงมาเป็น TRUE ที่ชนะประมูลถึง 2 คลื่นที่ยังสามารถให้บริการ 5G เต็มรูปแบบได้ ส่วน DTAC มีโอกาสสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด เนื่องจากได้เพียงคลื่น 26GHz ไปครอง

ส่องหุ้น

         PORT    แนวรับ 2.22 บาท          แนวต้าน 2.28 , 2.36-2.38 บาท

         STA      แนวรับ 12.00 บาท        แนวต้าน 12.50 , 13.10 บาท

         CMC     แนวรับ 0.87 บาท          แนวต้าน 0.90-0.91 , 0.95 บาท

หุ้นมีข่าว   

·      TOP (Bloomberg Consensus 68.37 บาท) รายงานกำไรปี62 ที่6.3 พันล้านบาท -38%YoY โดยปริมาณน้ำมันเข้ากลั่นลดลง 4% เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ในช่วง 3Q62 ขณะที่ค่าการกลั่นปรับตัวลงจาก 4. 4 $/bbl สู่ 5. 1$/bbl โดยธุรกิจโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ผลประกอบการอ่อนตัวลงตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์

ความเห็น เราคาดว่ากำไร 1Q63 อาจอ่อนตัวลงตามค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่ลดลง อีกทั้งได้ผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ แต่ราคาที่ปรับตัวลง 25% YTDได้รับรู้ข่าวเชิงลบดังกล่าวไปแล้ว หากราคาอ่อนตัวลงในกรอบ 50-51 บาท มองเป็นจังหวะซื้อสะสม

·       JMART (Bloomberg Consensus 12.31 บาท) ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่อีก 15 สาขา วางงบลงทุน 2 ล้านบาทต่อสาขา สิ้นปีนี้มี 220 สาขา พร้อมตั้งเป้ายอดขายธุรกิจมือถือโต 20% ชู Gadget Destination ช่วยเพิ่มจุดแข็ง ล่าสุดออกแคมเปญ "Wecare ดูแลเครื่องดูแลคุณ" ดันยอดขายสมาร์ทโฟน และ Gadget และยังมีการขายผ่านออนไลน์คาดมีสัดส่วนรายได้เติบโต 20% (ที่มา ทันหุ้น)

·      TASCO (Bloomberg Consensus 24.82 บาท) เผยยอดขายยางมะตอยปี 2562 อยู่ที่ 2.26 ล้านตัน มีรายได้จากการขายและบริการ 36,893 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,123 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 454% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บอร์ดเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลประจำปี 1.10 บาทต่อหุ้น กำหนดวันขึ้น XD 28 กุมภาพันธ์นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 24 เมษายน 2563 (ที่มา ทันหุ้น)

·      TPOLY (Bloomberg Consensus - บาท) ชูผลงานไตรมาส 1/2563 โดดเด่น ฉายแววรับงานใหม่โค้งแรก 1-2 โครงการ เดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท คาดหวังได้รับงานไม่ต่ำกว่า 20% จ่อรับรู้รายได้จากการ COD โรงไฟฟ้า 5 แห่ง กำลังการผลิตรวม 48 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1/2563 หนุนรายได้รวมทั้งปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 10% (ที่มา ทันหุ้น)

·      GOLD (Bloomberg Consensus - บาท) วางเป้าปี 63 รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 62 เตรียมเปิดใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท ชูกลยุทธ์จับกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      GGC (Bloomberg Consensus 13.03 บาท) อวดผลงานปี 62 พลิกมีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท หลังบุ๊กรายการพิเศษ 110 ล้านบาท จากเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังขาดหาย ฟากบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 63 อีกหุ้นละ 0.20 บาท จ่อขึ้น XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 29 เม.ย. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      TEAMG (Bloomberg Consensus - บาท) ปักหมุดปีนี้คว้างานใหม่ 1,500-2,000 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อกแน่น 3,800 ล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้ 30% แถมรับปัจจัยหนุนภาคธุรกิจใหม่ๆ–คลังสินค้าขยายตัว–การพัฒนาพื้นที่ EEC มีโอกาสได้รับงานใหม่มากขึ้น ขณะที่มั่นใจรายได้รวมปี 63 โต 10% จากปี 62 ประกาศงบวันที่ 19 ก.พ.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)