ก้าวใหม่ยักษ์พีซี ‘เอเซอร์’ เบนเข็มลุยโซลูชั่นเต็มตัว

ก้าวใหม่ยักษ์พีซี ‘เอเซอร์’ เบนเข็มลุยโซลูชั่นเต็มตัว

ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยจุดแข็งด้าน ฮาร์ดแวร์ บริการ ธุรกิจใหม่

158186050019

ปักธงลุยตลาด ‘การศึกษา’

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอเซอร์ เผยว่า จุดยืนของเอเซอร์มุ่งนำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุม เหมาะกับความต้องการของแต่ละประเทศ ที่ผ่านมาพยายามสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโต ทั้งมีการแตกบริษัทย่อย ซับแบรนด์ รองรับความหลากหลายของตลาด

ที่ผ่านมา ในตลาดแมสเอเซอร์ทำได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมองหาไมโครเทรนด์เพื่อสร้างการเติบโตใหม่ๆ ด้านธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์วางตำแหน่งเป็น มัลติแบรนด์โซลูชั่นโพรไวเดอร์ มุ่งนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจร โดยปีนี้ที่จะโฟกัสอย่างมากคือโซลูชั่นสำหรับภาคการศึกษา

เราจะนำจุดแข็งด้านฮาร์ดแวร์ การบริการ และความร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการมาใช้ เชื่อว่ากลยุทธ์ที่วางไว้นี้จะสามารถรับมือการแข่งขันที่เข้มข้นของตลาดได้แน่นอน

เอเซอร์ประเมินว่า กำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงเติบโต ประเมินจากอีเวนท์ใหญ่เช่นงานไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โป และยอดขายหน้าร้านที่ไม่ได้ตกมากนัก ขณะที่การแข่งขันแนวโน้มที่มาแรงคือเครื่องที่บางเบา ส่วนเกมมิ่งดุเดือดมากขึ้นแน่นอน รับอานิสงส์การเติบโตของคอนเทนท์และความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง

ปี 2562 ภาพรวมตลาดพีซีไทยมียอดขาย 2.39 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% เฉพาะโน๊ตบุ๊คเติบโต 7.5% เดสก์ท็อปลดลง 1.8% ส่วนปีนี้ยังต้องประเมินสถานการณ์ก่อนเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ทว่ายังเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะกลับมาคึกคักได้

ปัจจุบัน เอเซอร์มีส่วนการตลาดในกลุ่มคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊คราว 31-32% ครองอันดับ 1 ในตลาดไทยมาอย่างต่อเนื่อง

มั่นใจบริหารได้ ไม่กระทบสต็อก

นิธิพัทธ์ เผยว่า สายการผลิตของเอเซอร์มาจากหลากหลายแห่ง ทั้งในประเทศจีน ฟิลิปินส์ อินเดีย ขณะนี้สถานการณ์ในจีนไม่ได้ส่งผลกระทบไปทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสายผลิตภัณฑ์ที่นำมาทำตลาด บริษัทยังคงสามารถปรับเปลี่ยนทางเลือกในการใช้ผู้ผลิตโออีเอ็มที่ยังสามารถผลิตสินค้าได้อยู่

โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเกิดผลกระทบเพียงในระยะสั้น เนื่องจากทางผู้ผลิตได้เร่งปรับตัวทำให้สามารถผลิตสินค้าได้แล้ว ที่แย่ที่สุดคือทำได้ 30% บางราย 50% บางรายทำได้เต็มรูปแบบแล้ว อีกทางหนึ่งเชื่อว่าทางรัฐบาลจีนมีศักยภาพที่จะรับมือได้ และคงเตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว ดังนั้นสถานการณ์น่าจะไม่ได้รุนแรงมากนัก

สำหรับประเทศไทย เอเซอร์ได้วางแผนการทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ดังนั้นน่าจะเกิดผลกระทบเพียงเล็กน้อย ขณะนี้ได้มีการปรับแผนนำเข้าสินค้าตามกำลังผลิต ทุกกิจกรรมที่วางแผนไว้ยังสามารถเดินหน้าได้ตามแผนเดิม ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคยังเร็วไปที่จะตัดสินหรือหากจะกระทบคงเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น