BTS โชว์กำไรงวด 9 เดือน 4.63 พันล้าน โต 106%

 BTS โชว์กำไรงวด 9 เดือน 4.63 พันล้าน โต 106%

BTS กำไรงวด9เดือน 4.63 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ ธุรกิจระบบขนส่ง-สื่อเติบโต พร้อมบุ๊คส่วนแบ่งกำไรจากยู ซิตี้ 1.1พันล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าอีก4 สถานีมิ.ย.นี้ ด้านวีจีไอ เพิ่มเป้ารายได้ปี62/63 เป็น 3.8–4 พันล้านบ

นายรังสิน กฤตลักษณ์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ( BTS) แจ้งว่า บริษัทมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส3 ปี2562/63 จำนวน 2,459.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,188.73 ล้านบาท ส่งผลทำให้งวด9เดือน ปี2562/63บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,630.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.2 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,245.72 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของผลการดำเนินงานในธุรกิจระบบขนส่งมวลชนและธุรกิจสื่อโฆษณา และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากเงินลงทุนในบมจ. ยู ซิตี้ (U)ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัท จากการบันทึกกำไรจำนวน 1,118 ล้านบาท จากที่ U ขายบริษัทหมอชิตแลนด์

ส่วนรายได้งวด9เดือนปี 2563 อยู่ที่ 32,288 ล้านบาทลดลง 16.7 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นผลการการลดลงของราไยด้การให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างจัดหารถไฟฟ้าจำนวน 8,954 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับรู้ราไยด้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่ดลลงอย่างไรก็ดีการลดลงของรายได้รวมบางส่วนถูกชดเชยด้วย การเพิ่มขึ้นของราไยด้จากการบริการและการขาย เนื่องจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โดยเฉาพจากการให้บริการเดินรถ ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจบริการ การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับ และเงินปันผลรับที่เพิ่มขึ้น

      ด้านผู้บริหาร ระบุ ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนของบริษัทยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงภายนอกในปัจจุบัน โดยจำนวนเที่ยวการเดินทางสะสมในช่วง 9เดือนแรก (เดือนเมษายนถึงเดือนธันวาคม 2562) เติบโตขึ้น 3.6% จากปีก่อน เป็น 186.5 ล้านเที่ยวคน ในขณะที่รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการสถานีใหม่ทั้ง 9 สถานีของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา
      ทั้งนี้บริษัทกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง จำนวน 3.4 พันล้านบาทได้ดังจะเห็นได้จำกในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการบันทึกรายได้ดังกล่าวไปแล้วจำนวน 2.6 พันล้านบาท
สำหรับโครงการรถไฟฟ้ายังคงคืบหน้าไม่ว่าจะเป็นส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต – คูคต) ที่ปัจจุบันได้มีการเปิดให้บริการแล้ว 5 สถานีจากทั้งหมด 16 สถานี เราคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 4 สถานีในเดือนมิถุนายน 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการแบบเต็มสายได้ภายในปีนี้
  ทั้งนี้การเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้จาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงของบริษัทในอนาคต ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองสายหลักนั้น จากการที่ รฟม. ส่งมอบพื้นที่บางส่วนล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการก่อสร้าง และส่งผลให้มีการรับรู้รายได้งานก่อสร้างจากทั้ง 2 โครงการดังกล่าวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ (เป้ารายได้อยู่ในช่วง23-27 พันล้านบาท)
    อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ยืดเยื้อ และบริษัทยังคงพยายามเดินหน้าเร่งการก่อสร้างให้สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในกรอบเป้าหมายเดิมที่เคยวางไว้ในเดือนต.ค. 2564 นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในโครงการส่วนต่อขยายสายสีชมพู (ศรีรัช – เมืองทองธานี ระยะทาง 3.0 กิโลเมตร 2สถานี) ซึ่งในขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการ รฟม. เป็นที่เรียบร้อยแล้วและอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจาก EIA และคณะรัฐมนตรี
สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อาทิโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (บางปะอิน – นครราชสีมา: M6 และบางใหญ่ – กาญจนบุรี: M8) คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ในเดือนเมษายน 2563 ในขณะที่การต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ำสายสีเขียวยังอยู่ในระหว่างรอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและอนุมัติ
    นอกจากนี้ บริษัท (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจการร่วมค้าบีบีเอส) ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะประมูลโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาสัญญาและคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563  สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในสายที่บริษัทมีความสนใจจะเข้าร่วมประมูล โดยเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (จากบางขุนนนท์ ถึงมีนบุรี ระยะทางรวม 35.9 กิโลเมตร 28 สถานี) มูลค่าโครงการรวม 143 พันล้านบาท มีรูปแบบสัญญา PPP Net Cost ระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้ คาดว่าสายดังกล่าวจะสามารถเปิดประมูลได้ในเดือนต.ค. 2563

สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาภายหลังจากที่ MACO ได้ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ PlanB เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO ลดลงจาก33.17% เป็น 26.55% ทำให้MACO เปลี่ยนสถานะจากการเป็นบริษัทย่อยสู่การเป็นบริษัทร่วมของ VGI แทน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดังกล่าว VGI จะยกเลิกการควบรวมงบการเงินของ MACO ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562/63 เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้VGI จึงจะทำการปรับเป้าหมายของรายได้ในปี 2562/63 จาก 6,000–6,200 ล้านบาท เป็น 3,800–4,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตของรายได้ประมาณ 15–20% จากปีก่อน ภายหลังจาการปรับปรุงย้อนหลังแล้ว อย่างไรก็ดีการยกเลิกการควบรวมงบการเงินในครั้งนี้จะทำให้อัตรากำไรสุทธิของ VGI ดียิ่งขึ้น โดย VGI ได้ปรับการคาดการณ์อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 20–25% เป็น 30–35%

ส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยู ซิตี้ ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2562 โดยมีการเติบโตอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร ดังเห็นได้จากรายได้รวม จำนวน10.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% จากปีก่อน เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในช่วง 7.2-7.5 พันล้านบาทในขณะที่ EBITDA margin อยู่ที่ 31.5% ผลกการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ ยู ซิตี้ เป็นผลมาจากรายได้จำกธุรกิจโรงแรมที่ดีขึ้นจากกากขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรม รวมถึงรายได้จากการขายหุ้นหมอชิตแลนด์

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้วันที่ 17 ก.พ.2563 เป็นวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ BTS-W5 ทั้งนี้ คาดว่าใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าว