‘ดอน’ รุก ‘อังกฤษ’ เชื่อมความร่วมมือ ศก. หลังเบร็กซิท
“ดอน ปรมัตถ์วินัย” รุกนโยบายต่างประเทศเชื่อมโยงความร่วมมือเศรษฐกิจ กรุยทางเจรจาเอฟทีเอไทย - อังกฤษ หลังออกจากเบร็กซิท
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 12 - 14 ก.พ. 63 ในฐานะแขกกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ และพบปะกับนายโดมินิก ราบบ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ถือเป็นการเยือนระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งแรก หลังจากที่อังกฤษทำการเบร็กซิทออกจากสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - อังกฤษ ครบรอบ 165 ปี
นายดอน กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ มุ่งกระชับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งสองฝ่าย ครอบคลุมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมไปถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน และการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค
ในโอกาสนี้ ได้มีการหารือถึงการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย - อังกฤษ เป็นสิ่งที่ 2 ประเทศเให้ความสำคัญร่วมกัน จึงเห็นพ้องให้สถานทูตของ 2 ประเทศได้เตรียมการความพร้อมและพบปะกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายได้ทันที ซึ่งสอดคล้องและเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในช่วงเวลานี้ที่อังกฤษเพิ่งทำการเบร็กซิทออกจากอียู
“อังกฤษกำลังหาพันธมิตรนอกอียู ซึ่งไทยเป็นมิตรประเทศของอังกฤษมานาน และไทยก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นอกเห็นใจที่เกิดขึ้นกับอังกฤษ มากกว่าผลประโยชน์ ขณะที่อังกฤษพอใจในท่าทีและความร่วมมือระหว่างกัน” รมว.ดอนระบุ
ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และการศึกษา พบว่า ขณะนี้มีนักเรียนไทยจำนวนมากที่นิยมศึกษาในอังกฤษ ซึ่งตนพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงสถาบันการศึกษา ระหว่างกันมากขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อเยาวชนไทย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน และอาเซียนที่สามารถเดินทางมาศึกษาระบบอังกฤษได้ในไทย
ขณะที่ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ปัจจุบันมีสภาธุรกิจไทย-อังกฤษช่วยผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนจากแข็งขัน โดยต้องการผลักดันเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
การเยือนอังกฤษครั้งนี้เป็นการต่างตอบแทน จากที่นายราบบ์รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งตนได้เชิญนายราบบ์ให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเมื่อปีที่แล้ว โดยอังกฤษเข้าร่วมในฐานะแขกประเทศไทยที่ทำหน้าที่ประธานอาเซียนปี 2563
ด้านนายราบบ์ ได้ขอให้ไทยสนับสนุนการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 หรือ COP26 จะจัดขึ้น ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยอังกฤษ และอิตาลีเป็นเจ้าภาพร่วม โดยตนจะนำเรื่องนี้รายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ การเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ไทย-อังกฤษที่แน่นแฟ้น โดยนายดอน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรก เยือนประเทศอังกฤษหลังทำการเบร็กซิท และจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงกันต่อไป
จากนั้น นายดอนได้พบปะหารือกับนาย คิทัก ลิม เลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (ไอเอ็มโอ) ระหว่างการเยือนครั้งนี้ด้วย เพื่อหารือความร่วมมือและบทบาทไทยด้านกิจการทางทะแล และความร่วมมือทางวิชาการ โดยเฉพาะ "การกำจัดขยะทะเล" ซึ่งไทยให้ความสำคัญและมีบทบาทนำในอาเซียน ทั้งนี้ ไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีไอเอ็มโอมาแล้ว 8 วาระ ตั้งแต่ปี 2549
นอกจากนี้ นายดอน ยังได้พบกับนายเกรแฮม บราดี้ กลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-อังกฤษ ระหว่างการเยือน เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับฝ่ายนิติบัญญัติของอังกฤษ และหารือการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในระยะยาว หลังเบร็กซิท โดยเฉพาะความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเฉพาะการสนับสนุนนักธุรกิจอังกฤษได้แสวงหาโอกาสและลู่ทางการลงทุนในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ หรืออีอีซี