'เฟรเซอร์ส' ลุยลงทุนอีอีซี ตั้งคลังสินค้า-โรงงานสำเร็จรูป

'เฟรเซอร์ส' ลุยลงทุนอีอีซี  ตั้งคลังสินค้า-โรงงานสำเร็จรูป

ความชัดเจนของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้ผู้ประกอบการหลายธุรกิจขยายธุรกิจในอีอีซี รวมถึงธุรกิจบริการคลังสินค้า โลจิสติกส์ปาร์คและโรงงานสำเร็จรูป รองรับการลงทุนในอีอีซี

โสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การให้บริการโลจิสติกส์คลังสินค้า การให้เช่าโรงงานอุตสาหกรรมและพื้นที่อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ 

มีพื้นที่ทั้งหมด 3 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็น คลังสินค้า 1.6 ล้านตารางเมตร และพื้นที่โรงงานสำเร็จรูป 1.4 ล้านตารางเมตร โดยตลาดคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูปทั้งประเทศมี 5 ล้านตารางเมตร จึงทำให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งการตลาดความครึ่งหนึ่งของธุรกิจนี้ และมีรายได้ในปีที่แล้ว 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าปี 2563 จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10%

ส่วนธุรกิจโลจิสติกและคลังสินค้ามีโครงสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนไปจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ช จากเดิมที่มีคลังสินค้าบริเวณท่าเรือและหัวเมืองใหญ่เพื่อพักสินค้าก่อนส่ง โดยเปลี่ยนมาเป็นการสร้างคลังสินค้าขนาดเล็กใกล้ตัวเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เพื่อเป็นที่พักจากคลังสินค้าใหญ่เพิ่มความรวดเร็วในการส่งสินค้าให้กับลูกค้าภายใน 1 วัน

ดังนั้น บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดิน 4,000 ไร่ ที่บางนา เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านโลจิสติกในกรุงเทพฯ รองรับอีคอมเมิร์ชที่ขยายตัวอีกมาก ซึ่งจะให้บริษัทค้าออนไลน์และเอสเอ็มอีมาใช้บริการ รวมทั้งนำระบบคลังสินค้าอัจฉริยะใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาช่วย เพื่อความรวดเร็วในการรับส่งสินค้า เพราะจะมีสินค้าที่รายการแยกย่อยเป็นจำนวนมาก

รวมทั้งที่ผ่านมาได้ตั้งศูนโลจิสติกส์ และคลังสินค้าเพื่อรองรับธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจการค้าออนไลน์ ในเขตเทศบาลปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ มีพื้นที่รวม 40 ไร่ พัฒนาพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเช่าเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก 500 ตารางเมตรต่อราย เพื่อเหมาะสมกับธุรกิจของเอสเอ็มอี โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้

“ได้บุกเบิกคลังสินค้าสมัยเป็นรายแรกในไทย ที่สร้างอาคารสินค้ามาตรฐานสากล รองรับรถคอนเทนเนอร์ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งยังได้ปรับปรุงธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าให้ทันต่อการปรับเปลี่ยนของโลกยุคใหม่รองรับผู้ประกอบการออนไลน์ และเอสเอ็มอีที่มีมากขึ้น”

158167908329

หลังจากรัฐบาลมีนโยบายอีอีซี บริษัทฯ จึงขยายธุรกิจในภาคตะวันออก โดยได้ลงทุนโลจิสติกส์ปาร์คใน จ.ฉะเชิงเทรา 200 ไร่ ทำคลังสินค้าได้ 1.6 แสนตารางเมตร สร้างคลังสินค้าได้ 10 หลัง ที่เป็นสมาร์ทโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีพื้นที่ฟรีโซน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกและนำเข้า 

รวมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เต็มที่ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการมาก เพื่อรองรับการเติบโตภาคการผลิตในพื้นที่นี้ และในปีที่แล้วยังได้ซื้ออาคารคลังสินค้าเพิ่มอีก 80,000 ตารางเมตร ติดท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อรองรับการขยายตัวของท่าเรือแหลมฉบัง

“โลจิสติกส์ปาร์ค จ.ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ จะมีอาคารคลังสินค้า 10 หลัง รองรับลูกค้ารายใหญ่ได้กว่า 20 ราย โดยใช้พื้นที่ขั้นต่ำรายละ 5 พันตารางเมตรต่อยูนิต และจะเป็นสมาร์ทโลจิสติกส์ ใช้ระบบไอโอทีและเซ็นเซอร์ดำเนินงาน”

ด้านธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป บริษัทฯ มีโรงงานสำเร็จรูปทั้งหมด 400 โรงงาน โดยได้เข้าไปซื้อพื้นที่ในที่มีศักยภาพในอีอีซี ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติที่ไม่มีความรู้สถานที่ตั้งที่เหมาะสมในไทย รวมทั้งยังทำให้ลงทุนตั้งโรงงานงานผลิตสินค้าได้เร็วขึ้น เพียงลูกค้านำเครื่องจักรเข้ามาติดตั้งก็เปิดสายการผลิตได้ภายใน 1 เดือน และช่วยเปิดโอกาสให้ต่างชาติได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้าเพื่อทดลองตลาดในไทย 

ที่ผ่านมาบริษัทลูกของบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น โตโยต้า ได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ทำให้มีบริษัทผลิตชิ้นส่วนจำนวนมาก เข้ามาเข้าโรงงานสำเร็จรูป เพื่อผลิตสินค้าป้อนให้กับบริษัทแม่ โดยในปีที่ผ่านมาได้สร้างอาคารโรงงานในอีอีซีเพิ่มอีก 20,000 ตารางเมตร เป็นอาคารโรงงานขนาดใหญ่ได้ 4 อาคาร คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 7-8 เดือน และจะเปิดได้ในช่วงกลางปีหน้า คาดว่าภายใน 1 ปี จะมีลูกค้าเข้ามาเช่าครบทั้ง 4 อาคาร ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากจีน

ล่าสุดบริษัท ไมเดีย รีฟริจเจอเรชั่น อีควิปเมนท์ (ไทยแลนด์) ซื้อที่ดิน 130 ไร่ ที่ จ.ชลบุรี เพื่อตั้งฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และนับเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดของไมเดีย กรุ๊ป ที่ตั้งอยู่นอกจีน ซึ่งมาลงทุนในไทยเพระมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมมากที่สุดในอาเซียน โดยโรงงานที่จะตั้งใช้เทคโนโลยีชั้นสูง จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ รวมทั้งในไทยยังมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทำให้ไม่ต้องนำเข้าจากที่อื่น ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญของไทย

“คาดว่าในอนาคตจะมีบริษัทลูกของ ไมเดีย ตามเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯได้เตรียมพื้นที่โดยรอบไว้ 300 ไร่ เพื่อรองรับโรงงานเหล่านี้”

ในปัจจุบัน เฟรเซอร์ส มีพื้นที่ในอีอีซี 3,500 ไร่ ยังเหลือที่ดินอีก 1,000 ไร่ ที่จะพัฒนาต่อได้ โดยส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นพื้นที่โลจิสติกส์และคลังสินค้า ส่วนการสร้างโรงงานสำเร็จรูปจะเข้าไปซื้อพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม เพราะมีความพร้อมในระบบสาธารณูปโภค ซึ่งบริษัทฯ เป็นพันธมิตรกับสวนอุตสาหกรรมโรจนะ และขณะนี้โรงงานสำเร็จรูปในอีอีซี ได้ให้เช่าไปแล้ว 80% จึงมีแผนที่ขยายธุรกิจนี้เพิ่มในอีอีซี และพื้นที่โดยรอบอีอีซี เช่น อ.กระบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

สำหรับทิศทางการลงทุนในอีอีซีของบริษัทฯ ขอดูความชัดเจนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น เมืองการบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งก่อสร้างตามแผนก็จะลงทุนขยายธุรกิจโลจิสติกส์และโรงงานสำเร็จรูปทันที โดยบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น หรือ TCC Group มีที่ดินเกือบ 20,000 ไร่ ทำให้มีที่ดินรองรับการพัฒนาอีกมาก