KCE - ถือ

KCE - ถือ

ประสิทธิภาพ คือ หัวใจสำคัญ

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ยอดขายโตปานกลาง

แม้ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้จะดูไม่สดใส (อาจจะแค่ทรงตัว หรือฟื้นตัวอย่างช้า ๆ) แต่บริษัทยังตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 10%-15% เพราะมีลูกค้าใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงใช้สมมติฐานยอดขายปีนี้ไว้ที่ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7.0% YoY) เพราะการระบาดของ Covid-19 อาจจะก่อให้เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และเกิด disruption ทางด้านอุปทานขึ้นมาได้ เรามองว่าบริษัทมีโอกาสจะได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากภาวะอุปทานขาดแคลน แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเรามองว่าประเด็นนี้จะเป็น upside ของประมาณการรายได้ปี 2564 ของเราซึ่งในปัจจุบันเราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 4.0%

หลายปัจจัยบวกจะหนุนให้ GPM เพิ่มขึ้นจาก 20.3% ในปี 2562 เป็ น 23.0% ในปี 2563

เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2563 ขึ้นอีก 1.9% เป็น 23.0% และปี 2564 ขึ้นอีก 1.6% เป็น 23.5% โดยจะคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 2.7% (จากปี 2562 ที่ 20.3% มาปี 2563 ที่ 23.0%) โดยมาจาก: i) ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น (หนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น 1.6%) ii) ต้นทุนลดลงจากการบริหารจัดการอุปทาน และการนำระบบ automation มาใช้ (หนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น 0.8%) iii) ราคาทองแดงลดลง (หนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น 0.2%) และ iv) เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง (หนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น 0.1%) โดยนักเศรษฐศาสตร์ของเราได้ปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนจาก 30.3 บาท/US$ เป็น 31.0 บาท/US$ นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานราคาทองแดงปี 2563 ลงอีกจากเดิมที่ US$6,100/ton เป็น US$5,800/ton

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้นอีก 25% และปี 2564 ขึ้นอีก 20%

หลังจากที่เราปรับสมมติฐานยอดขายและ GPM แล้ว ก็ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 เพิ่มขึ้น 25%และปี 2564 เพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเมื่อเราใช้ PER ที่ 19.5X ก็ทำให้ได้ราคาเป้ าหมายปี 2563 ใหม่ที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 18.00 บาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น KCE วิ่งขึ้นมาแล้วถึง ~20% ในระยะสองวันที่ผ่านมาสะท้อนถึงผลประกอบการที่น่าประทับใจ และจากมุมมองของบริษัทที่ค่อนข้างเป็นบวกก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปได้ถึง 29.00 บาท ถ้าหากว่าตลาดเชื่อว่าบริษัทจะทำได้ตามเป้ า (อัตราการเติบโตของขายที่ 10%-15% และ GPM ที่ 25%) ดังแสดงใน Figure 6

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากเดิม 18.00 บาท เป็น 22.50 บาท โดยอิงจาก PER ที่ 19.5X (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.5 S.D.) เรามองว่าคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มเข้ามาจากการย้ายฐานการผลิตจะเป็น upside สำหรับทั้งรายได้และกำไรในปี 2564 เราแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูโมเมนตั้มของยอดขายใน 1H63 รวมถึงสถานการณ์การะบาดของ Covid-19 ด้วย ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก suppliers รายอื่น วัตถุดิบขาดแคลน และ เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ที่ 31.0 บาท/US$)