หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ

หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ

บล.กรุงศรี มอง SET Index แกว่งตัว 1,525-1,540 จุด ปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้าโดยความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่พุ่งขึ้นมากหลังจีนเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ เป็นลบต่อเศรษฐกิจโลกและทิศทางลงทุน กดดัน Fund flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง แต่ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ระบุว่า ตลาดหุ้นวานนี้ (13 ก.พ.) SET Index ปรับตัวลง -7.07 จุด (-0.46%) ปิดที่ 1,533 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.6 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่อ่อนตัวลงหลังจีนเปลี่ยนวิธีนับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ใหม่ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นซึ่งทำให้นักลงทุนกลับมากังวลสถานการณ์แพร่ระบาดอีกครั้งและกดดันให้ Fund flow ต่างชาติยังคงไหลออก ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม Petro, Energy และ Health ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งขายสุทธิ 1,323 ล้านบาท และ Net Short TFEX 1,251 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 948 ล้านบาท

สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (14 ก.พ.) มุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัว 1,525 - 1,540 จุด จากปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้าโดยความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่พุ่งขึ้นมากหลังจีนเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ในการนับจำนวนผู้ติดเชื้อจะเป็นลบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางการลงทุน ซึ่งกดดันให้แนวโน้ม Fund flow ต่างชาติยังคงไหลออกต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นจากความคาดหวังว่ากลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะลดกำลังการผลิตลงอีก 600,000 บาร์เรล/วันนั้นจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ปัจจัยบวกภายในจากมติสภาฯโหวตเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ในวาระ 2-3 และคาดว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงกลางมี.ค.ซึ่งจะหนุนให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้

** 16 ก.พ. ติดตามการประมูลคลื่น 5G  700 MHz / 1800 MHz / 2600 MHz / 26 GHz

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy กลุ่มรับเหมา (STEC, CK, SEAFCO) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) สภาฯโหวตผ่านพ.ร.บ.งบปี 63 วาระ 2 , 3 กลุ่มพลังงาน (TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD , KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA)  Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้ MTC (ปิด 68 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 78 บาท) คาดกำไรสุทธิ 4Q19 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกหนึ่งไตรมาส (เป็นบริษัทเดียวในตลาดฯที่กำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียน) จากยอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ตามนโยบายขยายสาขาเชิงรุก โดย ณ สิ้น 4Q18 มีจำนวนสาขาทั้งหมด 4,100 สาขา เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียง 3,280 สาขา LH (ปิด 9.55 ซื้อ/เป้า 11.5) หุ้นกลุ่มอสังหาฯทยอยประกาศงบออกมาอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่โดดเด่นที่เงินปันผล LH เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ราคาหุ้นที่ลดลงมองเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อรับเงินปันผลในปีครึ่งหลัง (2H19) ซึ่งคาดว่าจะประกาศจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.40 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 4%