กรมชลฯ หวั่น 'อีอีซี' ขาดน้ำ เข้มงวดแผนลดใช้ 10%

กรมชลฯ หวั่น 'อีอีซี' ขาดน้ำ เข้มงวดแผนลดใช้ 10%

เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ซึ่งต้องการใช้น้ำมาก ในขณะที่สถานการณ์แล้งปี 2563 รุนแรงกว่าที่ผ่านมาทำให้ต้องเข้มงวดแผนลดใช้น้ำ

ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงข่ายน้ำเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกได้มีการวางโครงการต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เพื่อให้ระบบบริหารน้ำสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์กลางผลิตผลไม้และเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ

ทั้งนี้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังได้มีนโยบายผลักดันอีอีซีเพื่อให้เป็นพื้นที่ภาคการผลิตสำคัญของประเทศ ในขณะที่ปี 2563 สถานการณ์แล้งรุนแรง ซึ่งโครงข่ายน้ำที่มีการพัฒนามาต่อเนื่อง แม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% จากข้อจำกัดหลายด้านจึงถูกใช้บริหารจัดการปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยในปี 2563 จะได้เห็นการเวียนสลับหมุนวนน้ำในแต่ละอ่างเพื่อเติมเต็มกันและกัน ซึ่งจะช่วยให้การใช้น้ำได้ถึงฤดูฝน

กรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีปัญหาขาดแคลนน้ำหรือแย่งน้ำระหว่างภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเหมือนในอดีต โดยในการทำงานจะมีการตกลงร่วมกันของผู้ใช้น้ำทั้งหมด มีการตั้งคณะทำงานใน Key Man Warroom ซึ่งเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วนประชุมทุก 15 วัน

ดังนั้นในการบริหารน้ำภาคตะวันออกจึงเป็นไปตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีจะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อไม่ขาดแคลนน้ำ และประชาชนในภูมิภาคนี้จะต้องมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ

"ขอยืนยันว่ากรมชลประทานจะดูแลและบริหารจัดการน้ำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะน้ำอุปโภค บริโภค จะไม่ขาดแคลน และจะไม่ให้กระทบต่อพื้นที่อีอีซี เพราะตระหนักดีว่าเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ ในขณะที่ภาคการเกษตร ได้มีการจัดสรรน้ำไว้ให้ตามที่มีการตกลงร่วมกันแล้ว"

158160214987

สุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า พื้นที่อีอีซี คือ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง มีความต้องการใช้น้ำในฤดูแล้งรวม 430 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำประมาณ 410 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังขาดอีกประมาณ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจึงต้องจัดหาปริมาณน้ำส่วนที่ขาดอีกทั้งต้องสำรองเพื่อกรณีฝนทิ้งช่วงถึง มิ.ย.2563

กรมชลประทานได้หารือร่วมกับทุกหน่วยพร้อมลงนามข้อตกลงกับกลุ่มผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำคลองวังโตนดเพื่อขอผันน้ำข้ามลุ่มตามกฎหมายใหม่ โดยจะผันจากอ่างเก็บน้ำคลองประแกด จ.จันทบุรี มาเติมที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง จำนวน 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จะผันวันที่ 1-25 มี.ค.นี้ 

อ่างประแสร์เป็นอ่างหลักส่งน้ำให้เขตอีอีซี ปัจจุบันอ่างคลองประแกดมีความจุ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำใช้การได้ 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่จะใช้ 15-20 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงมีน้ำที่จะนำมาช่วยเหลืออีอีซีได้ แต่ระหว่างผันหากปริมาณน้ำกระทบต่ออ่างจะหยุดทันที

ส่วนน้ำที่ยังขาดอีก 10 ล้านลูกบาศก์เกมตร จะมาจากที่ประชุม Key Man Warroom เพื่อขอความร่วมมือให้ภาคอุตสาหกรรม และการประปาทุกสาขาลดการใช้น้ำลงกว่า 10% ปัจจุบันการใช้น้ำเป็นไปตามแผนที่กรมชลประทานวางไว้ และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ซึ่งเป็นเอกชนที่ผลิตน้ำป้อนภาคอุตสาหกรรมจะดำเนินการ ดังนี้

กำหนดให้หาแหล่งน้ำดิบสำรอง 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีแล้ว และให้ปรับปรุงระบบ-สูบกลับวัดละหารไร่ จ.ระยอง เพื่อเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล วันละ 100,000-150,000 ลูกบาศก์เมตร ให้ปรับปรุงระบบสูบกลับคลองสะพานเพื่อเติมอ่างประแสร์อีก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เสร็จภายในเดือน ม.ค.-ก.พ.นี้ และเร่งเชื่อมท่อประแสร์-คลองใหญ่ เชื่อมท่อประแสร์-หนองปลาไหล ให้แล้วเสร็จในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อลดการสูญเสียน้ำ 10-20 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่ไม่สามารถนำน้ำจากอ่างคลองหลวงมาใช้แทนน้ำที่ขาดจากอ่างบางพระนั้น กรมชลประทานสั่งการให้มีการขุดลอกคลอง และระบายน้ำจากอ่างคลองหลวงมาที่สถานีสูบน้ำพานทอง ระยะทาง 60 กิโลเมตร เพื่อสูบมาเก็บที่อ่างบางพระประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ จากการเชื่อมโยงน้ำโครงข่ายน้ำ คาดว่าจะทำให้มีน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ ประกอบกับช่วงเดือน เม.ย.- มิ.ย.นี้ จะมีฝนในช่วงเปลี่ยนฤดูคาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างอีก 50 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงมั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยกรมชลประทานจะทำทุกทางเพื่อให้ประชาชนผ่านแล้งนี้ไปให้ได้

สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า การประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ วันนี้ (14ก.พ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาการเพิ่มปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาลุ่มน้ำเจ้าพระยา การบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก การดำเนินงานโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 และการจัดทำแผนงาน โครงการเร่งด่วนเพื่อเก็บกักน้ำในฤดูฝนปี 2563

สทนช.จะให้ความสำคัญในการใช้น้ำในลุ่มน้ำภาคตะวันออกโดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือภาวะเสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ประกอบด้วย กปภ.และอีสท์วอเตอร์เตรียมแหล่งน้ำสำรอง ให้กรมชลประทานพิจารณาแนวทางการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแกด จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง  และให้ กปภ.เร่งวางท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมายังสถานีผลิตน้ำมาบยางพร จ.ระยอง และส่งไปยังสถานีผลิตน้ำหนองกลางดง จ.ชลบรี