อภิปรายงบ 63 ไม่เดือด 'ชวน' คุมเข้มห้ามพูดนอกประเด็น

อภิปรายงบ 63 ไม่เดือด 'ชวน' คุมเข้มห้ามพูดนอกประเด็น

อภิปรายงบ 63 ไม่เดือด "ชวน" คุมเข้มห้ามพูดนอกประเด็น องค์ประชุมปริ่มน้ำเกือบตลอด

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 63 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานประธานการประชุมสภาฯ ได้สั่งพักการประชุมสภาฯ ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นเวลา 30 นาที ภายหลังได้ใช้เวลาอภิปรายนานกว่า 3 ชั่วโมง

สำหรับการอภิปรายของ ส.ส.เริ่มจากมาตรา 1 ว่าด้วยชื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่ง นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ขอสงวนความเห็นอภิปรายไว้ ซึ่งก็เกิดความวุ่นวายทันที เมื่อ นายวรวัจน์ และ นายเรืองไกร อภิปรายตั้งข้อสังเกตร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้เวลาพิจารณาเกิน 105 วัน อาจขัดต่อมาตรา 143 รัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถพิจารณาในวาระ 2-3ได้ และหากมีการยื่นตีความประเด็นดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร ทำให้ส.ส.รัฐบาลหลายคน ทั้ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย รุมประท้วงอภิปรายนอกประเด็นที่ขออภิปราย ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวตักเตือนให้อภิปรายอยู่ในเนื้อหาที่สงวนความเห็นไว้ ไม่ใช่นั้นประชาชนอาจมองว่า เป็นยื้อเวลาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณได้

ทั้งนี้ หลังจากที่อภิปรายมาตรา 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมได้เช็กองค์ประชุมก่อนที่จะโหวตลงมติมาตรา 1 ปรากฏว่า มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแสดงตนเป็นองค์ประชุม 250 เสียง ถือว่าเกินองค์ประชุมมาอย่างฉิวเฉียดเพียง 1 เสียง จากจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในสภาขณะนี้ 498 คน ที่ต้องมีองค์ประชุมตั้งแต่ 249 เสียงขึ้นไป ก่อนที่ประชุมจะลงมติเห็นชอบมาตรา 1 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 0 งดออกเสียง 6

ขณะที่มาตรา 2 ไปจนถึงมาตรา 8 นายเรืองไกร กิจวัฒนะ อดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ได้ขอใช้สิทธิอภิปรายโดยมีบางมาตราที่ นายเรืองไกร พูดนอกประเด็น ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องคอยประท้วงอยู่เป็นระยะๆ แต่บรรยากาศการประชุมยังเดินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเข้าสู่มาตรา 9 กระทรวงการคลัง นายเรืองไกร ได้ขอถอนในสิ่งที่สงวนความเห็นขออภิปรายไว้ ทำให้การประชุมลงมติตั้งแต่มาตรา 9 เป็นต้นไป เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่มีกรรมาธิการ และส.ส.คนใดติดใจขออภิปราย แต่ละมาตราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถลงมติผ่านความเห็นชอบไปได้อย่างราบรื่น แต่ละมาตรามี ส.ส.รัฐบาลแสดงตนเป็นองค์ประชุมอยู่ระหว่าง 250-254 เสียง มีเสียงให้ความเห็นชอบอยู่ระหว่าง 244-245 เสียง และงดออกเสียงอยู่ระหว่าง 5-6เสียง โดยไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแสดงตนเป็นองค์ประชุมนั้นมี ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล แสดงตนเป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียง ส่วนคะแนนงดออกเสียงที่มีผู้งดออกเสียงในแต่ละมาตราอยู่ที่ประมาณ 7 คนนั้น พบว่า เป็นของ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คน ที่ประกาศตัวแยกการทำงานจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน และขอทำงานอิสระ ได้แก่ นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนคะแนนงดออกเสียงอีก 2 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู่แทนราษฎร