ติดตามโหวตงบปี63

ติดตามโหวตงบปี63

คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,515 - 1,535 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนการลงทุน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index รีบาวด์ขึ้น +15.91 จุด (+1.04%) ปิดที่ 1,539 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ตอบรับปัจจัยบวกจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 เริ่มชะลอตัวลงและคาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเดือนเม.ย. นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือ 50 US/Barrel ได้อีกครั้ง ทั้งนี้เป็นแรงซื้อในกลุ่ม Petro, Energy และ Etron ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งขายสุทธิ 671 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,704 ล้านบาท และ Net Long TFEX 17,668 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

มุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,515 - 1,535 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนการลงทุน โดยแม้ว่าจะได้ข่าวบวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) เริ่มชะลอตัวลงและเชื่อมั่นว่าการแพร่ระบาดจะเบาบางลงในช่วงถัดไป ประกอบกับสถานการณ์ Tradewar ที่ผ่อนคลายลงหลังจีนเตรียมลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีผล 14 ก.พ. อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนจะยังคงชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประกาศงบ 2019 ของบริษัทฯ ประกอบกับความกังวล Fund flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัวซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ทิศทางดัชนีมีความผันผวนในระยะนี้

** 13 ก.พ. ติดตามสภาฯโหวตพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 วาระ 2 , 3 ใหม่

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มรับเหมา (STEC CK SEAFCO) กลุ่มนิคม (AMATA WHA) เก็งข่าวการโหวตพ.ร.บ.งบปี 63 วาระ 2 , 3 รอบใหม่
  • กลุ่มพลังงาน (TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD , KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA)  Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CK (ปิด 21.4 ซื้อ เป้า IAA Consensus 25.5 บาท) ได้ Sentiment บวกสภาฯเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.งบปี63 เข้าประชุมสภาใหม่ในวันนี้ ตามคำสั่งวินิจฉัยของศาล ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา เลือก CK เป็น Top pick ผลประกอบการผันผวนน้อยสุดของกลุ่ม เพราะมีเงินลงทุนในบริษัทลูกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน (BEM), น้ำประปา (TTW) และโรงไฟฟ้า (CKP) จึงมีความมั่นคงของผลประกอบการมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่เน้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
  • TOP (ปิด 54.25 ซื้อ/เป้า 79) ได้ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ US3.46/bbl เทียบกับช่วงต้นปียังติดลบ USD0.45/bbl ขณะที่ผลประกอบการ 4Q19 คาดพลิกมีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาทเทียบกับ 3Q19 ขาดทุนสุทธิ 683 ล้านบาท จากการบันทึกกำไรจาก Stock gain เข้ามาประมาณ 820 ล้านบาท

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (ปิด 70.75 ถือ/เป้า 80), IRPC (ปิด 3 ถือ/เป้า 3.4), GPSC (ปิด 78.5 ถือ/เป้า 78)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) จีนเปลี่ยนวิธีนับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด -19 ใหม่ ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมและผู้ติดเชื้อรายใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ (มีผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล): คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนเปลี่ยนวิธีการ นับยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 โดยจะนับยอดผู้ติดเชื้อโควิด -19  เฉพาะผู้ที่มีอาการเท่านั้น และจะไม่นับคนที่ไม่มีอาการ แม้ว่าตรวจพบเชื้อในเลือดก็ตาม ซึ่งวิธีนี้ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของจีนลดลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แต่ดูเสมือนเป็นการบิดเบือนข้อมูล ขณะที่วันนี้ทางการจีนรายงานตัวเลขใหม่อีกครั้งโดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 59,734 ราย เพิ่มขึ้นถึง 15,283 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,365 ราย เพิ่มขึ้น 253 ราย ซึ่งประเด็นนี้คาดว่าจะสร้างความสับสนให้กับตลาดในวันนี้และส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของทางการจีนต่อการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด
  • (+/-) กลุ่มสื่อสาร – กสทช.ประกาศผู้สนใจเข้าประมูลทั้ง 5 รายผ่านเกณฑ์คุณสมบัติในการเข้าประมูล 5G แต่มีเซอร์ไพร์สเมื่อ DTAC ไม่สนใจเข้าประมูลคลื่น 2600MHz : เบื้องต้น กสทช.เปิดเผยว่า ADVANC TRUE และ CAT สนใจจะยื่นประมูลในคลื่น 700MHz, 2600MHz และ 26GHz ขณะที่ DTAC และ TOT สนใจยื่นประมูลคลื่น 26GHz เพียงคลื่นเดียว การที่ DTAC ไม่สนใจเข้าประมูลคลื่น 2600MHz ซึ่งเป็นคลื่นพื้นฐานสำหรับการทำธุรกิจ 5G ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนของ ADVANC และ TRUE ในระยะสั้นเนื่องจากคาดว่าการแข่งขันของ ADVANC TRUE และ CAT จะไม่รุนแรง ตรงกันข้ามกับ DTAC มีแรงขายกดดันอย่างนักเนื่องจากตลาดกังวลว่าหาก DTAC ไม่เข้าประมูลคลื่น 2600MHz จะทำให้เสียฐานลูกค้า (กลัวไม่มีคลื่นให้บริการ 5G) ขณะที่ในระยะกลางถึงยาวตลาดกลับมีความกังวลว่า ADVANC TRUE และ DTAC จะกลับมาทำสงครามราคากันอีกครั้ง (price war) เพราะ DTAC จำเป็นต้องลดราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยกลุ่ม ICT เรายังเลือก ADVANC และ INTUCH เป็น top pick ของกลุ่ม
  • (+) ราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัว และค่าการกลั่นเร่งตัวขึ้นเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่น : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ (+2.5%) ปิดที่ระดับ 51.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอบรับข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 เริ่มชะลอตัว และคาดหวังกลุ่ม OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตอีก 6 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยดีมานด์ที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ขณะที่ค่าการกลั่นเริ่มเร่งตัวขึ้นล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ USD3.46/bbl เทียบกับวันก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ USD2.97/bbl เป็นผลจากโรงกลั่นรายแห่งในภูมิภาคที่ต้นทุนสูงเริ่มลดกำลังการผลิตส่งผลให้ Supply น้ำมันสำเร็จรูปในตลาดเริ่มลดลง การฟื้นตัวของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นถือเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นเนื่องจากเป็นหนึ่งกลุ่มที่ราคายัง Under perform และยัง Laggard จากตลาดในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา Top pick : PTTEP TOP และ SPRC