ติดตามผลโหวตร่างงบประมาณ 63

ติดตามผลโหวตร่างงบประมาณ 63

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแรง คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากเริ่มคลายความกังวลสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (โคโรนา)

หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง นอกจากนี้ ตลาดในประเทศยังเกิดแรงรีบาวด์หลังจากที่วันก่อนหน้าปรับตัวลงแรง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,539.84 จุด (+15.91 จุด) Volume 5.5 หมื่นลบ. ต่างชาติ -670.93 ลบ. TFEX Net  +17,668 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 275.08 จุด +0.94% ขานรับความหวังที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะบรรเทาลงในไม่ช้านี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.23 ดอลลาร์ +2.5% ปิดที่ 51.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงาน สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

+สคร.จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 จำนวน 79,149 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 ของเป้าหมายทั้งปี

+/-ก.คลังสั่งการสบน.พิจารณาความเหมาะสมในการก่อหนี้เพิ่มเพื่อเตรียมใช้ในโครงการลงทุนใหม่ของรัฐบาลรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณที่คาดว่าจะล่าช้า

-โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีนี้เหลือ 0.99 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิม 1.22 ล้านบาร์เรล/วันหลังประเมินว่าไวรัสโควิด-19ฉุดความต้องการในจีน

-แบงก์ชาติหลายแห่งเตือนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจประเทศ

-ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนไทยม.ค. 63 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี กังวลรายได้ลด-รายจ่ายเพิ่มหลังเผชิญไวรัสโคโรนาระบาด-ปัญหาฝุ่น PM2.5

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 23,617 ลบ. ค่าเงินบาท 31.105 บาท/US

*จับตาการประชุมสภาฯนัดพิเศษพิจารณาร่างงบฯ 63 วาระ 2-3 และสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ CPI เดือนม.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัว Sideway Up ตามทิศทางตลาดโลก จากแรงหนุนของถ้อยแถลงประธานเฟด ที่ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หากมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งต่อไป ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามผลโหวตร่างงบประมาณ 63 วาระ 2-3 วันนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,530-1,550 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากกการเบิกจ่ายงบประมาณ (CK STEC SEAFCO PYLON)
  • หุ้นรับได้ประโยชน์จากการประมูล 5G (SAMART INSET ITEL ALT )

หุ้นรายงานพิเศษ

GPSC (Bloomberg Consensus 87.33 บาท)  รายงานกำไรปี 62 ที่ 4,061 ล้านบาท +21%YoY เนื่องจากมีการับรู้ผลประกอบการจากโครงการ CUP4 โรงไฟฟ้าน้ำลิก1 และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี อย่างไรก็ตามมีการตัดจำหน่ายสวนต่างมูลค่ายุติธรรมทางบัญชีของ GLOW  ราว 1.1 พันล้านบาทเข้ามากกดดันผลประกอบการ

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 63 จะเป็นปีที่ GPSC เติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จาก CUP4 โรงไฟฟ้าน้ำลิก1 โรงไฟฟ้าไซยะบุรี และ GLOW เต็มปี ขณะที่คาดว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติจะทรงตัวตามราคานำมันที่อยู่ในระดับต่ำช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

 

IRPC (Bloomberg Consensus 3.77 บาท)  รายงานขาดทุนปี 62 ที่ 1,145 ล้านบาท -115%YoY แต่ดีกว่าที่ Bloomberg คาด 24% โดยกำไรอ่อนตัวตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงหลังกองเรือเริ่มใช้มาตรฐาน IMO2020 ทำให้ราคาน้ำมันเตากำมะถันสูงราคาปรับตัวลง อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นกดดันผลประกอบการ

ความเห็น เราคาดว่า 1Q63 ผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อย่างไรก็ตามอาจมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบเข้ามากดดันเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากไวรัสโคโรน่า

หุ้นมีข่าว   

·      (+) BBL (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 188.62 บาท) ที่ปรึกษาการเงินอิสระให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมว่ามีความเหมาะสมและจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวเนื่องจาก

1) สอดคล้องกับแผนธุรกิจและเป็นการได้มาซึงธนาคารพาณิชย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตด้านสินเชื่อ รายได้ และผลกำไร

2) ราคายุติธรรมของเพอร์มาตามีความเหมาะสมโดยอยู่ระหว่าง 3.6 หมื่นล้านรูเปีย – 1.16 แสนล้านรูเปีย เทียบกับมูลค่าธุรกรรม 3.7 หมื่นล้านรูเปียในการถือหุ้น 89% และ 4.2 หมื่นล้านรูเปียในการถือหุ้น 100%

3) ข้อตกลงและเงื่อนไขส่วนใหญ่เป็นข้อตกลงทั่วไปและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติทางธุรกิจในการซื้อขายหุ้น

·      (+) SISB (Bloomberg Consensus 10.30 บาท) เตรียมประกาศงบ 25 ก.พ.นี้ แย้มผลงานปี 62 โตตามแผน ขณะที่ปี 63 เล็งเพิ่มนักเรียนใหม่อีก 200 คน พร้อมขึ้นค่าเล่าเรียน 5% ดันรายได้ทั้งปีโต 15-20% (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) PTTEP (Bloomberg Consensus 142.68 บาท) ลุ้นรอกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติสั่งเข้าพื้นที่แปลง เอราวัณภายในปีนี้ พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อรักษาระดับกำลังการผลิตทั้ง 2 แปลง บงกช-เอราวัณที่ 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในอีก 3 ปีข้างหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) GUNKUL (Bloomberg Consensus 3.75 บาท) คว้างาน กฟภ.ก่อสร้างสถานีไฟฟ้ากาญจนบุรี 3 และสถานีไฟฟ้าชะอำ 3 มูลค่ารวม 377.55 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ายื่นประมูลโครงการใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง หนุนกำไรโตทุกไตรมาส (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) HANA (Bloomberg Consensus 32.84 บาท) แจ้งโรงงานในจีนเริ่มกลับมาผลิตแล้ว หลังหยุดจากเหตุไวรัสโคโรนา คาด 4-5 สัปดาห์กลับสู่ปกติ ลั่นขณะนี้รอประเมินผลกระทบซัพพลายเชน (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) MACO (Bloomberg Consensus 1.70 บาท) ขยายธุรกิจสื่อโฆษณาต่างประเทศเต็มกำลัง ตอกย้ำความสำเร็จกลยุทธ์เครือข่ายธุรกิจเพื่อการเติบโตในตลาดระดับสากลเตรียมเคาะเป้าหมายรายได้ เม.ย.นี้พร้อมบอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 0.016 บาท ชงที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ 29 เมษายน 2563 (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) ILINK (Bloomberg Consensus 5.90 บาท) วางเป้ารายได้ปี 2563 แตะ 6,000 ล้านบาท ดันธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณโตสูงสุด 40-50% จากการลงทุนโครงข่าย 5G ลุยเพิ่มโปรดักส์ IOT เสริมทัพ ด้านธุรกิจโทรคมนาคม ยังเติบโตได้ดีจากการรับรู้รายได้ค่าบริการรายเดือนพร้อมลุยประมูลงานสายไฟฟ้าใต้น้ำ-ใต้ดิน เพิ่มไม่ต่ำกว่า 500-1,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      BAY (Bloomberg Consensus 33.90 บาท) ตั้งเป้าปี 63 สินเชื่อโต 5-7% ,NPL น้อยกว่า 2.5% พร้อมวางเป้า NIM ที่ 3.4-3.6%

·      AOT (Bloomberg Consensus 78.98 บาท) รายงานกำไรไตรมาส 1/2563 แตะ 7,334.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.04% ผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ผู้โดยสารในประเทศลดลง แถมได้กำไรจากการปรับปรุงหนี้สินหลังศาลยกฟ้องอีก 574 ล้านบาท