‘ดอน’ ชวน ‘ลักเซมเบิร์ก’ ลงทุนการเงิน-โลจิสติกส์ในอีอีซี

‘ดอน’ ชวน ‘ลักเซมเบิร์ก’ ลงทุนการเงิน-โลจิสติกส์ในอีอีซี

“ดอน  ปรมัตถ์วินัย” ชวน “ลักเซมเบิร์ก” ประเทศศูนย์กลางไฟแนนเชียลยุโรป ร่วมลงทุนการเงินการธนาคาร-โลจิสติกส์ในอีอีซี พร้อมผลักดันการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ให้เดินหน้าต่อ  

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับ  นายฌอง อัสเซลบอร์น รัฐมนตรีต่างประเทศลักเซมเบิร์กว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ได้เชิญชวนลักเซมเบิร์ก เพื่อแสวงหาโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี  ซึ่งลักเซมเบิร์กเป็นประเทศเล็ก แต่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินและการธนาคารที่แข็งแรง จัดเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีข่าวว่าหลังจากที่อังกฤษทำการเบร็กซิทออกจากอียูแล้วเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 63 จะเริ่มมีหลายบริษัทในอังกฤษย้ายมายังลักเซมเบิร์ก  เพื่อใช้ประโยชน์ในฐานะที่ลักเซมเบิร์กมีความเชี่ยวชาญและเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคนี้

นายดอน กล่าวว่า แม้การพบปะกัน จะไม่หวือหวา แต่เป็นการยั่งรากลึกเกิดการติดต่อระหว่างไทยกับลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถาบันกษัตริย์ที่มีความสัมพันธ์ระดับราชวงศ์ที่ใกล้ชิด  ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าต่อไป 

158150821978

ไทยต้องการร่วมมือกับลักเซมเบิร์ก ในการพัฒนาทางการเงินการธนาคารแบบยังยืน ซึ่งลักเซมเบิร์กมีความโดดเด่นในการนำองค์ประกอบทางสังคมเข้ามาร่วมพัฒนาระบบการเงิน แต่มองภาพรวมทั้งมิติแรงงาน ธรรมาภิบาล การเท่าเทียมทางเพศ และให้เป็นไปตามหลักการสิทธิการเข้าถึงและปกป้องทางธุรกิจด้วย ซึ่งไม่ใช่การเงินมีมิติเดียว” รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังเป็นการกรุยทางสนับสนุนให้กับการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) ให้เชื่อมโยงกับลักเซมเบิร์ก ในแง่การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเงิน ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศยังมองถึงโอกาสความร่วมมือแบบไตรภาคีในอนุภูมิภาค CLMV เช่น โครงการในลาว และอาเซียนด้วย 

158150824348

นอกจากนี้ ลักเซมเบิร์กยังโดดเด่นเรื่องระบบขนส่งทางอากาศ อย่างที่รู้จักชื่อบริษัทคาร์โกลักซ์ ซึ่งโอกาสนี้ ได้ชักชวนให้ลักเซมเบิร์กเข้าไปดูลู่ทางการลงทุนในอีอีซีด้วย อีกทั้งตนทราบว่า เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กได้เดินทางไปร่วมงานสัมนาโอกาสทางธุรกิจในไทย ถือเป็นสัญญาณที่ดีด้านการลงทุนจากลักเซมเบิร์ก 

ทั้งนี้ ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่น่าสนใจมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีเฉลี่ยอยู่ที่ 93,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 53,328 ยูโรต่อคนต่อปี  ซึ่งเป็นอันดับต้นๆของประเทศในอียู และลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่มีเงินทุนสูง ขณะเดียวกัน เมื่อปี 2562 มีนักท่องเที่ยวลักเซมเบิร์กเดินทางมายังประเทศไทยเกือบ 2,000 คนต่อปี ขณะที่มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมายังลักเซมเบิร์กกว่า1,000 คน ทั้งนี้ เชื่อว่า ถ้ามีการทำความรู้จักและเพิ่มพูนความร่วมมือจะช่วยให้การท่องเที่ยวและเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันมากขึ้นอีกด้วย

158150826133

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศลักเซมเบิร์ก มองว่า ไทยเป็นศูนย์กลางและมีบทบาทนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสถิติของบีโอไอ เมื่อปี 2561 ลักเซมเบิร์กลงทุนในไทย 3 โครงการ มูลค่า 10.28 ล้านยูโร ในสาขาอุตสาหกรรมเหล็ก เหล็กกล้า และเครื่องจักร โรงแรม และเครื่องสำอาง ขณะที่ภาคเอกชนลักเซมเบิร์กซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนเปิดกิจการใหม่ (start-up companies) และมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนเงินบำนาญ (pension fund) ก็ได้แสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในบริษัทบริหารกองทุนของไทย

อย่างไรก็ตาม นายดอน กล่าวด้วยว่า ในการเดินทางเยือนลักเซมเบิร์กครั้งนี้ ยังได้หยิบยกเรื่องการเจรจาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย - อียูที่ได้เริ่มเจรจากันแล้วขึ้นมาหารือกับทางลักเซมเบิร์ก เพื่อให้เกิดความคืบหน้า เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยกำลังให้ความสำคัญอยู่ รวมถึงการลงนามเอกสารความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับอียู (Partnership and Cooperation Agreement: PCA) ที่เจรจากันเรียบร้อยแล้ว แต่ชะลอออกไปเพราะอียูเพิ่งจะเปลี่ยนคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยเอกสารฉบับนี้มีความสำคัญจากที่ อียูมีหลักเกณฑ์ว่าประเทศใดจะทําความตกลงการค้าเอฟทีเอ กับอียูได้ต้องมีความตกลงพีซีเอด้วย ซึ่งเป็นความตกลงเชิงการเมืองที่ครอบคลุมความร่วมมือในด้านต่างๆ เสียก่อนจึงจะมีการลงนามในความตกลงเอฟทีเอได้ ดังนั้นการพบปะครั้งนี้ จึงขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศลักเซมเบิร์กได้ช่วยผลักดันในเรื่องดังกล่าว 

158150830967