ไทยไม่ให้เรือเวสเตอร์ดามเทียบท่าแต่พร้อมดูแลผู้ป่วย

ไทยไม่ให้เรือเวสเตอร์ดามเทียบท่าแต่พร้อมดูแลผู้ป่วย

“อนุทิน”เผยเรือเวสเตอร์ดามยังไม่ขออนุญาตเข้าน่านน้ำ ย้ำไทยเป็นแค่ท่าสำรอง หลัง3ประเทศปลายทางปฏิเสธ ยันไม่ให้เทียบท่าไทย พร้อมช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ส่งเสบียง-ดูแลรักษาผู้ป่วยเต็มที่ แนะขอเทียบท่าเกาะกวมแทน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรือเวสเตอร์ดามว่า ขณะนี้ทางการไทยยังไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับภายในเรือลำ นอกจากข้อมูลจากคนที่ติดต่อเข้ามา เช่น เอเจนซี่ หรือเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆว่า เรือลำนี้ลอดภัย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ประเทศไทยไม่สามารถนำข้อมูลเพียงเท่านี้มาตัดสินใจ ต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประเทศ ของคนไทย และบุคลากรของไทยมีจำนวนจำกัด จึงต้องรู้ข้อมูลให้มากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมา 3-4 ประเทศที่เป็นประเทศปลายทางเดิมของเรือลำนี้ก็ปฏิเสธที่จะให้มีการเทียบท่า และกรมเจ้าท่าได้รายงานว่าขณะนี้วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เรือลำดังกล่าวยังไม่ได้ขออนุญาตเข้าน่านน้ำไทยแต่อย่างใด เพราะตามกฎหมายแล้วก่อนเข้าน่านน้ำจะต้องแจ้งเพื่อขออนุญาตก่อน 24 ชั่วโมง

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทางการไทยไม่ให้เรือนี้เทียบท่าแน่นอน แต่พร้อมให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เช่นหากเรือลำดังกล่าวมาทอดสมอในทะเลสากลแล้วพบ มีความต้องการทางด้านอาหารยารักษาโรค น้ำมันที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศถัดไป ก็จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเต็มที่ และหากมีผู้ป่วยในเรือ โดยเฉพาะหากพบอาการหนัก ก็ต้องนำเข้ามารักษา แต่ก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรค จะไม่ปล่อยให้คนป่วยโดยไม่ดูแล แต่หากจะให้เทียบท่าแล้วลงมา เพื่อต่อไปยังประเทศที่ 3 คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน

“แม้จะมีการบอกว่าผู้โดยสารและลูกเรือรวม 2,200 คน ทุกคนสุขภาพดี และลอยลำเกิน 14 วันแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถที่จะยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด19 เพราะบนเรือคงจะไม่มียาที่ใช้ตรวจเชื้อยืนยันแบบห้องแล็บ ข้อมูลเท่านี้ไม่เพียงพอที่จะอนุญาตให้เทียบท่า ที่สำคัญประเทศไทยไม่ใช่ปลายทางที่หมายของเรือลำนี้ตั้งแต่ต้น ขณะที่ฮ่องกง ไต้หวันและญี่ปุ่นที่เป็นปลายทางของเรือก็ปฏิเสธ และก่อนมาถึงไทยก็ต้องผ่านเวียดนามและกัมพูชามาก่อน แล้วทำไมไทยต้องแบกรับความกดดัน ไทยเป็นแค่ท่าสำรองหลังปลายทางหลักปฏิเสธเขาเท่านั้น” นายอนุทินกล่าว

แนะเทียบท่าเกาะกวม

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กรณีที่มีการระบุว่าบนเรือมีคนไทยด้วย 19 คนนั้น เท่าที่ทราบคนไทยเป็นลูก เรือจึงน่าจะมีสัญญาจ้างกับนายจ้าง และบนเรือมีคนอเมริการาว 700 คน หากเป็นเช่นนั้นก็ควรไปเทียบท่าที่พื้นที่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอธิปไตยอยู่หรือไม่ เช่น เกาะกวม หากสามารถดำเนินการได้ ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้เดินทางไปถึงเกาะกวม

“ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกหรือฮูโทรศัพท์สายตรงมาหาผมตอนกลางคืน บอกว่าคนบนเรือสบายดี ไม่มีไข้ แต่ได้ตอบปฏิเสธกลับไป เพราะประเทศไทยเป็นเพียงท่าสำรอง ไม่ใช่จุดหมายปลางทางเรือตั้งแต่แรก แต่หากมีเหตุฉุกเฉินก็มีสิทธิที่จะขออนุญาตเข้ามาจอดได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการขออนุญาตทางการไทย ส่วนที่บอกว่าหัวเรือกำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางประเทศนั้น ก็อาจเป็นไปได้ที่กัปตันเรือจะตัดสินใจด้วยภาวะจำเป็นบางอย่างที่เกิดขึ้น เช่น น้ำมันใกล้หมด ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากไทย แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็อยู่ได้ในน่านน้ำสากล ไม่สามารถเทียบท่าและให้คนจากเรือได้แน่นอน” นายอนุทินกล่าว