สธ.ยัน! ไม่มี ‘ไวรัสโคโรน่า’ ระบาดในคุกของไทย

สธ.ยัน! ไม่มี ‘ไวรัสโคโรน่า’ ระบาดในคุกของไทย

กระทรวงสาธารณสุข ยันไม่มีไวรัสโคโรน่า (โควิด 19) ระบาดในเรือนจำไทย ระบุส่งตัวนักโทษไปอังกฤษนาน 2 สัปดาห์ ก่อนไปตรวจละเอียดไม่มีอาการป่วย

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 62 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วัฒนะ รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์เชื้อโควิด-19 หรือไวรัสโคโรน่า 2019 ประจำวัน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ข้อมูล ณ เวลา 08.00 น. จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก 45,183 ราย เสียชีวิต 1,115 ราย จำนวนผู้ที่รักษาหายเป็นปกติ 4,827 รายสำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มยอดรวมสะสม 33 ราย มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนต้องเฝ้าระวัง 799 ราย ตอนนี้ผู้ป่วยรักษาตัวเหลืออยู่ในโรงพยาบาล 22 ราย โดยวันนี้ได้ให้กลับบ้านเพิ่มอีก 1 ราย และยังมีแนวโน้มที่เป็นข่าวดีถึงจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายได้กลับบ้านไปแล้ว 11 ราย เร็วๆ นี้อีก 3 รายจะได้กลับบ้านเพิ่มขึ้น โดยรายแรกเป็นคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น เข้ารักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี หากผลแล็บออกมาเป็นลบและมีผลตรวจสอบออกมาตามเกณฑ์ไม่พบเชื้อใดๆ อาจไม่ต้องกักตัว สามารถให้กลับบ้านได้ รายที่ 2 เป็นชาวจีนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ผลแล็บออกมาเป็นลบ หากตรวจสอบซ้ำยังเป็นลบแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ และรายที่ 3 เป็นผู้ป่วยที่เข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลราชวิถี ขณะนี้อาการดีจนแพทย์อนุญาตให้ออกจากห้องแยกโรคมาอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วย หากผลแล็บออกมาเป็นลบแพทย์จะให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยหนัก 2 รายยังคงมีอาการทรงตัว ได้รับการรักษาตามโรคและตามอาการ


“ตัวเลขจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนต้องเฝ้าระวังโรค 799 ราย ที่รักษาจนหายดีสามารถกลับบ้านได้จำนวนมาก เหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพียง 212 ราย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการ คลินิกวินิจฉัยโรค ที่มีระบบและประสิทธิภาพดีมาก ตอนนี้สถานการณ์ในไทยเป็นการติดเชื้อในประเทศเท่านั้น โดยทางการจีนมีมาตรการเข้มข้นไม่ให้คนของเขาเดินทางออกมานอกประเทศ ข้อมูลของคนที่ออกจากอู่ฮั่นเหลือเพียงคนที่รอเดินทางกลับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีไข้และพบเชื้อ รวมถึงผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอย้ำเตือนถึงผู้ที่มีโอกาสคลุกคลีใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงต้องดูแลเฝ้าระวังตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

ต่อข้อถามว่า ไทยจะออกคำสั่งห้ามการเดินทางไปประเทศใดหรือไม่ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เราไม่ได้ห้ามการเดินทางไปประเทศใด ที่ผ่านมาเป็นเพียงการให้คำแนะนำให้เลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง กรณีที่ไทยพบผู้ป่วยก็พบเป็นจุดเฉพาะพื้นที่หรือพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ไม่ได้เป็นการพบโรคทั้งประเทศ ใครก็ตามที่เดินทางไปต่างประเทศต้องรู้วิธีปฏิบัติตนตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำแนะนำตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่เคยประกาศห้ามการเดินทางไปประเทศใด เพราะเราเชื่อในมาตรการของแต่ละประเทศ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวก็ต้องรู้ถึงวิธีปฏิบัติ แม้จะมีบางประเทศเตือนไม่ให้เดินทางมาประเทศไทย แต่ไม่ใช่หน้าที่ที่เราจะต้องไปประกาศห้ามเหมือนเขา

ด้าน นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีทางการอังกฤษกักตัวผู้ต้องหาชาวอังกฤษที่ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากไทย ว่า การส่งตัวผู้ต้องหาเป็นไปตามกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยมีกระบวนการตรวจสุขภาพ ซักประวัติ และตรวจร่างกายในห้องปฏิบัติการหากเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและวัณโรคจะต้องตรวจเสมหะและเอ็กซเรย์ซ้ำด้วย เนื่องจากการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต้องเดินทางโดยสารการบิน ซึ่งผลการตรวจสุขภาพของผู้ต้องหารายดังกล่าวยืนยันว่า เป็นปกติทั้งสัญญาณชีพจรและอุณหภูมิ อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.63 ดังนั้นหากมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นในช่วงนี้ซึ่งผ่านมานาน 2 สัปดาห์ อาจจะเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ข่าวที่ระบุว่า มีการติดเชื้อโควิค19 จากเรือนจำในประเทศไทยจึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าเชื้อโควิด 19 มีระยะการฟักตัว 24 วัน นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงแค่รายงาน ซึ่งองค์การอนามัยโลกไม่ได้ระบุเป็นข้อห้ามหรือข้อแนะนำในไทยพบตัวเลข 5-7 วัน จึงกักตัวเพื่อเฝ้าระวังในมาตรฐาน 7-14 วัน