Selective Buy

Selective Buy

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลง สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก

โดยมีปัจจัยกดดันเฉพาะตัวจากกลุ่มแบงก์ ที่ปรับตัวลดลงหลังจาก ธปท. เตรียมออกเกณฑ์คำนวณค่าธรรมเนียมใหม่ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,523.93 จุด (-11.31 จุด) Volume 5.3 หมื่นลบ. ต่างชาติ +548.02 ลบ. TFEX Net  -628 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+/- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 0.48 จุด -0.00% แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง และขานรับจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แสดงมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 37 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 49.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสดังกล่าว

+ ประธานเฟดชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ขณะเฟดจับตาไวรัสโคโรนา

ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 10% พร้อมเว้นภาษีให้ 3 เท่าสำหรับบริษัทที่บริจาคทรัพย์สินเพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม 4.0

-อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกชะงักงันจากพิษไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน บริษัทหลายแห่งปิดโรงงานในจีน และบางแห่งปิดโรงงานนอกประเทศจีนเนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในจีน

-ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ก.พ.63 ลดลง 9.91% แตะระดับ 72.75 มาอยู่ในโชนชบเซา (Bearish) เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี กังวลสถานการณ์การท่องเที่ยวและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 22,946.52 ลบ. ค่าเงินบาท 31.255 บาท/US

*จับตาสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัว Sideway Up ตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยมีประเด็นบวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 (ไวรัสโคโรนา) รายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังรอผลการพิจารณาร่างงบประมาณ 63 วาระ 2-3 ในวันพรุ่งนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,515-1,530 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

·      หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)

·      หุ้นได้ประโยชน์จากกการเบิกจ่ายงบประมาณ (CK STEC SEAFCO PYLON)

·      หุ้นรับได้ประโยชน์จากการประมูล 5G (SAMART INSET ITEL ALT )

 

หุ้นรายงานพิเศษ

JUBILE (แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 24.50) รายได้และกำไร 4Q62 และปี 62 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

  • คาดกำไร 4Q62 ทำจุดสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 508 ล้านบาทและ 79 ล้านบาทตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการใช้ข้อมูล Big data วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เห็นผลได้ตั้งแต่ 2Q62 เป็นต้นมาที่บริษัทสามารถสร้างยอด SSSG ได้ติดต่อกัน 10% 2 ไตรมาสช่วยหนุนการเติบโตเพิ่มเติม อีกทั้งมีการจัดงาน “THE LEGENDARY OF CARAT & CELEBRATING 90 YEARS TIMELESS EXCELLENCE” ในช่วงเดือนธ.ค. 62 ทั้งนี้ คาดกำไรปี 62 อยู่ที่ 260 ลบ. เติบโต 36%YoY แตะจุดสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
  • การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ อาทิ JUBILEE Line Friends เพื่อจับกลุ่มวัยรุ่นให้คุ้นเคยกับการซื้อเครื่องประดับเพชร ขยายฐานลูกค้าในอนาคต เปลี่ยนกลยุทธ์การเติบโตจากเน้นขยายสาขา สู่เน้นการเพิ่มยอดขายต่อสาขาส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารเติบโตช้าลง

หุ้นมีข่าว   

(+) ADVANC (Bloomberg Consensus 250.27 บาท)   ADVANC เผยอนุญาโตฯยกคำเสนอข้อพิพาท TOT ที่เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติมจากให้บริการโรมมิ่ง เป็นเงิน 1.63 หมื่นลบ.  (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น : เรามองเป็นประเด็นบวกระยะสั้น เนื่องจากหาก TOT ไม่เห็นด้วยกับอนุญาโตฯดังกล่าว โดยนำไปสู่การร้องต่อศาลปกครองกลาง จะทำให้คดีมีความยืดเยื้อต่อไปอีกราว 1-2 ปี เป็นอย่างน้อย

(+) KCE (Bloomberg Consensus 17.79 บาท) แจ้งผลการดำเนินงานสำหรับปี 2562 ของบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 934.5 ล้านบาท ลดลงราว 53.6% เมื่อเทียบกับปี 2561ที่ทำได้ 2,014 ล้านบาท ซึ่งหลักๆมาจากการลดลงของรายได้ขาย ต้นทุนขายสินค้าที่สูงขึ้น และการลดลงของกำไรขั้นต้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท (ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

ธปท. ออกหนังสือเวียนแจ้งแบงก์เร่งปรับระบบไอที รองรับแนวทางคิดดอกเบี้ย ผิดนัดชำระแบบใหม่ ภายใน 1 พ.ค.นี้ สร้างมาตรฐานกลางตีกรอบ "คำนวณอัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่อปี-ตัดหนี้ เน้นลดเงินต้น" ฟากแบงก์ชี้กระทบรายได้ค่าฟี "กสิกรไทย" ประเมินรายได้วูบ 400 ล้านบาท "เกียรตินาคิน" เผยรายได้ค่าฟีเข้าข่ายได้รับผลกระทบ 3 ล้านบาทต่อเดือน ด้าน "ไทยพาณิชย์" ชี้สินเชื่อ 3 กลุ่ม "สินเชื่อเอสเอ็มอี-สินเชื่อบุคคล-สินเชื่อที่อยู่อาศัย" กระทบมากสุด (ที่มา ประชาชาติธุรกิจ)

ความเห็น เป็นประเด็นลบกับหุ้น กลุ่มธนาคาร ทำให้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง  กดดันผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโตไม่มากจากปีก่อนหน้า เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารเป็น “Neutral” เน้นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทน เงินปันผลสูง  แนะนำ TISCO KKP TCAP

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 58.48 บาท)    สบช่องดอกเบี้ยลด เตรียมประกาศลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ กลางปีนี้ ซุ่มเจรจาให้ได้ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำที่สุด ส่วนรายได้ปีนี้โตไม่น้อยกว่า 10% ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 11% จาก 3 โครงการใหม่ ขณะที่ไตรมาส 2/63 เล็งออกหุ้นกู้ใหม่ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อระดมทุนรองรับการลงทุนในปัจจุบันและทำดีลซื้อกิจการ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MC (Bloomberg Consensus 10.82 บาท)  ลั่นรายได้โต 8-10% ต่อปี หลังโชว์ผลงานไตรมาส 2 ปี 62/63 กำไรพุ่ง 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.70% ส่วนรายได้โต 12% แตะ 1,132 ล้านบาท ทำนิวไฮในรอบ 3 ปี ตอกย้ำสัญญาณเทิร์นอะราวด์ เชื่อมต่อออฟไลน์-ออนไลน์ พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) KBS (ราคาเหมาะสม 0.88 บาท)  โชว์นโยบายปี 63 มุ่งเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย พร้อมต่อยอดธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เล็งสร้างโรงน้ำตาลแห่งใหม่ ขนาดกำลังการผลิต 12,000 ตันต่อวัน พร้อมลงทุนขยายโรงไฟฟ้า อ.สีคิ้ว ขนาดกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ นอกจากนี้มีแผนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี 2,800 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MCOT (ราคาเหมาะสม 10.00 บาท)  อสมท” ลุ้นบอร์ดกสทช.เคาะวงเงินเยียวยาคลื่น 2600 MHz ในวันที่ 12-14 ก.พ.นี้ หวังได้รับเงินเยียวยาเป็นธรรมสมเหตุสมผล ลั่นเป้าได้รับไม่ต่ำกว่า 10% ของวงเงินที่ได้รับจากการประมูลคลื่น 2600 MHz (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TASCO (Bloomberg Consensus 24.35 บาท) รับประโยชน์จากการปลดล็อกงบประมาณ โบรกดีดลูกคิดกำไรไตรมาส 4/2562 พุ่ง 417% หลังฐานปีที่ผ่านมาต่ำ ได้ค่าเคลมประกัน ด้านปี 2563 โตต่อเนื่องอีก 6% ขณะที่มาตรการ IMO ดันราคายางมะตอยเพิ่มสูง เหตุยักษ์พลังงานทยอยลดกำลังผลิต เคาะเป้า 25 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PYLON (Bloomberg Consensus 6.94 บาท)  รอรัฐเคาะงบประมาณเชื่อปีนี้ทิศทางบวก จ่อรับงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์เพิ่มคาดเริ่มเห็น 1-2 เดือนนี้ ระบุปัจจุบันมี Backlog กว่า 1,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้ภายในไตรมาส 2/2563 เชื่อผลงานปีนี้โตต่อเนื่องมั่นใจรายได้ปี 2563 เติบโตมากกว่าปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)

 (+) THANA (Bloomberg Consensus - บาท) ผนึกพาร์ตเนอร์ "อนาบูกิ" ประเทศญี่ปุ่น สยายปีกโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย เข้าถือหุ้นสัดส่วน 50% ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 25 ล้านบาท ดีเดย์จัดตั้งแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาแผนธุรกิจปี 2563 ระบุยังมีปัจจัยกดดันที่ต้องติดตาม (ที่มา ทันหุ้น)