"พิพัฒน์" เร่งยกระดับท่องเที่ยว หลังสปีดโบ๊ทชนภูเก็ต

"พิพัฒน์" เร่งยกระดับท่องเที่ยว หลังสปีดโบ๊ทชนภูเก็ต

“พิพัฒน์” สั่งการเข้มพิจารณาโทษผู้ฝ่าฝืนกฎพร้อมเยียวยาทัวริสต์ หลังสปีดโบ้ทชนกันในภูเก็ตเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวรัสเซียได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิต เตรียมนำเรื่องยกระดับคุณภาพมาตรฐานท่องเที่ยวเข้าหารือเร่งด่วนในประชุมเวิร์คช็อปร่วมภาครัฐ-เอกชน 13 ก.พ.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังได้รับรายงานเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือสปีดโบ้ทชนกัน มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณปากทางเข้าท่าเทียบเรือมารีน่า ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เรือที่ชนกันเป็นเรือสปีดโบ้ทไม่มีผู้โดยสาร ชื่อ บาหยัน 5 ของบริษัทSEA STAR TOUR ชนกับเรือสปีดโบ้ทชื่อALP111ของบริษัท อันดามันเลเซอร์ ภูเก็ต ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาจำนวน 35 คน

“ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เดินทางมาแบบทัวร์กับบริษัท เปกัส โดยขึ้นเรือสปีดโบ้ทชื่อALP111ของบริษัท อันดามันเลเซอร์ ภูเก็ต แน่นอนว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางช่วยเหลือดูแลกันให้ดีที่สุด”

ในส่วนของกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เบื้องต้นถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขของกองทุนฯ จะชดเชยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา ทุพพลภาพ รายละไม่เกิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลทางการแพทย์ ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 500,000 บาท นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับค่าชดเชยจากการประกันเรือ (บริษัท วิริยะประกันภัย) และประกันจากบริษัทนำเที่ยว (บริษัท อาคเนย์ประกันภัย) ทั้งนี้ จะให้สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของใบอนุญาตต่างๆ อีกครั้ง

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า และหลังจากเกิดเหตุการณ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (TAC)ที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ความช่วยเหลือและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ และเน้นย้ำให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและกรมการท่องเที่ยวได้ลงพื้นที่เพื่อร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวบาดเจ็บและเสียชีวิตในครั้งนี้เพื่อหาบทลงโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก

นอกจากนี้ ยังเตรียมนำเรื่องการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย บรรจุเข้าเป็นวาระหารือในการประชุมเชิงปฏิบัติการภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวยั่งยืน ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.) ณ โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท ด้วย พร้อมเน้นย้ำถึงประเด็นความปลอดภัยว่าเป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานของกระทรวงฯ รวมถึงผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก