'โคโรน่า' พ่นพิษโรงแรมภูเก็ต 'จีนวูบ' ปรับแผนเจาะคนไทย

'โคโรน่า' พ่นพิษโรงแรมภูเก็ต 'จีนวูบ' ปรับแผนเจาะคนไทย

โรงแรมภูเก็ตกระอักพิษโคโรนา สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยโรงแรมตัวเมืองภูเก็ตรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จีนไซส์ใหญ่ 200ห้องกว่า10แห่ง ยอดเข้าพักเหลือไม่ถึง5ห้อง ลามลูกค้าชาติอื่นในเอเชียเข้าพักลดลง ขณะพนักงานผลัดกันลาหยุดแบบไม่รับค่าจ้าง ส่วนโรงแรมริมหาดยอดลด 20%

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตเครือดีวาน่า กรุ๊ป และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์เข้าพักโรงแรมใน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของตลาดจีนเที่ยวไทย หลังโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาด จนเป็นเหตุให้ทางการจีนมีคำสั่งห้ามบริษัทนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวจีนออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้โรงแรมในตัวเมืองภูเก็ต ขนาดใหญ่ 200-300 ห้องพัก รวมกว่า 10 แห่งซึ่งรับลูกค้ากรุ๊ปทัวร์จีนเป็นหลัก มียอดเข้าพักปัจจุบันคืนละไม่ถึง 5 ห้องพักด้วยซ้ำ จนต้องให้พนักงานโรงแรมผลัดกันลาหยุดแบบไม่ได้ค่าจ้าง (Leave without Pay) เพื่อลดต้นทุน

ส่วนโรงแรมและรีสอร์ตตามชายหาดในภูเก็ตยังพอมีนักท่องเที่ยวเข้าพักบ้าง ปัจจุบันมียอดเข้าพักลดลง 10-20% โดยคาดว่านักท่องเที่ยวน่าจะยกเลิกการจองห้องพักเข้ามาเรื่อยๆ และทำให้ตลอดเดือน ก.พ.นี้ ภาพรวมโรงแรมตามชายหาดจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลง เหลือประมาณ 65-75% จากปกติที่ควรจะได้อัตราเข้าพัก 80-90% ส่วนเดือน มี.ค. ถ้าเป็นในภาวะปกติจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่70-80%แต่ปัจจุบันมีอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าในมือกันเพียง 40-50% เท่านั้น และคาดว่ายอดจองล่วงหน้าเข้ามาน่าจะนิ่ง

“ตอนนี้สถานการณ์การจองและเข้าพักโรงแรมในภูเก็ตยังต้องดูแบบวันต่อวัน เพราะนักท่องเที่ยวทุกตลาดอ่อนไหว (Sensitive)หมดเลย ไม่เฉพาะแค่จีน โรงแรมที่รับลูกค้าตลาดเอเชียอื่นๆ อย่างฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น และมาเลเซียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวเอเชียค่อนข้างกังวลกับการเดินทางภายในภูมิภาค ส่วนตลาดอินเดียกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) พบว่ายังไหลเข้ามาเที่ยวภูเก็ตค่อนข้างดี ยกเว้นกลุ่มกรุ๊ปทัวร์กับกลุ่มจัดประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลที่จำเป็นต้องยกเลิกการเดินทาง” นายศึกษิต กล่าว

เมื่อได้รับผลกระทบช่วงไตรมาสที่ 1 ซึ่งตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นของภูเก็ต ทำให้ในช่วงโลว์ซีซั่น โรงแรมในภูเก็ตจำเป็นต้องปรับแผนเรื่องต้นทุนบุคลากร โดยเฉพาะโรงแรมที่รับกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นหลัก คงต้องให้พนักงาน Leave without Pay อย่างต่อเนื่อง ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้รับกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นหลัก เบื้องต้นยังต้องจับตาสถานการณ์ว่าจะปรับแผนลดต้นทุนอย่างไร

“ส่วนภาพรวมการปรับแผนทำตลาดของโรงแรมในภูเก็ตปีนี้ ต้องหันมากระตุ้นดึงลูกค้าคนไทยมากขึ้น จากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวภูเก็ตไม่ถึง 5%ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อชดเชยรายได้จากตลาดจีนที่หายไป โดยอาจจะต้องใช้กลยุทธ์ราคา ปรับลดให้สอดคล้องกับงบประมาณของนักท่องเที่ยวไทยแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มเอฟไอทีและข้าราชการ โดยคาดว่าน่าจะมีคนไทยมาเที่ยวภูเก็ตมากขึ้น เพราะบางส่วนคงไม่กล้าเดินทางเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้”

โดยในเดือน มี.ค.นี้ จะมีงานคอนซูเมอร์แฟร์ส่งเสริมการขายตลาดในประเทศอย่างงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 54 ตั้งแต่วันที่ 5-8 มี.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา คาดว่าน่าจะเห็นภาพของผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ต รุกเจาะตลาดคนไทยซึ่งนิยมเดินทางช่วงวันหยุดยาว เช่นในเดือน เม.ย.ซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ มาเติมเต็มอัตราเข้าพักของโรงแรมในภูเก็ตซึ่งเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่นพอดี จากขณะนี้มียอดจองห้องพักล่วงหน้าของเดือน เม.ย.ในมือลดลง 10% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

สำหรับโรงแรมในเขาหลัก จ.พังงา ได้รับผลกระทบน้อยกว่าภูเก็ต เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล เช่น สแกนดิเนเวีย และประเทศอื่นๆ ในยุโรป ทำให้ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้โรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวยุโรปไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่วางแผนเดินทางล่วงหน้านาน ไม่ค่อยมีการยกเลิกเหมือนนักท่องเที่ยวเอเชีย

ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักที่มีชื่อเสียงสั่งสมมายาวนาน มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นเสาหลักหนุนรายได้ทั้งจังหวัดให้มีมูลค่ารวมกว่า 4.77 แสนล้านบาท คิดเป็นรายได้จากส่วนของตลาดที่พักมากถึง 43% และตลาดการขนส่ง 23% นับเป็นจังหวัดที่มีรายได้มากเป็นอันดับ 2 ของไทย รองจากกรุงเทพฯซึ่งมีมูลค่ารายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท โดยภูเก็ตนับเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ร่วมกับกรุงเทพฯ พัทยา เกาะสมุย กระบี่ และเชียงใหม่ เนื่องจากมีหาดทรายชายทะเลซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวจีนชื่นชอบ