ลงทุนรายกลุ่ม อัพไซด์ตลาดยังจำกัด ภาพระยะสั้นยังผันผวน  

ลงทุนรายกลุ่ม อัพไซด์ตลาดยังจำกัด ภาพระยะสั้นยังผันผวน  

ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดอยู่ที่ 1,016 คน แซงหน้าโรค SARs ในปี 2003 ซึ่งอยู่ที่ 774 คน

สร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงแต่คาดว่าไม่มากเนื่องจากตลาดได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปเยอะแล้วในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น ตราบใดที่สถานการณ์ไวรัสยังไม่สามารถควบคุมได้ ภาพตลาดระยะสั้นจะเป็นในรูปของการแกว่งออกข้าง (sideway-trend) มากกว่าการปรับตัวลงแรง

ผลกระทบของวิกฤติไวรัสโคโรนายังไม่สะท้อนในตัวเลขเศรษฐกิจ เรายังระมัดระวังการปรับลดเป้าประมาณการเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนลงจากความเป็นไปได้ของผลกระทบที่อาจสูงกว่าคาดหากการแพร่ระบาดกินระยะเวลานาน ขณะที่ เรามองภาพรวมตลาดหุ้นไทยเสี่ยงแย่กว่าตอนเกิดวิกฤติ SARs ในปี 2003 เมื่อเปรียบเทียบจากตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ต่างกันค่อนข้างมาก โดยในปี 2003 อัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดอยู่ที่ 29.78%yoy ขณะที่ ตัวเลขคาดการณ์ของปี 2019 และ 2020 อยู่ที่ -11.52%yoy และ 15.53%yoy ตามลำดับ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ไม่โมฆะ โดยมีมติ 5-4 ให้โหวตเฉพาะวาระ 2-3 แล้วส่งให้วุฒิสภาโหวตใหม่ในวันที่ 13 ก.พ. พร้อมให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่มีคำวินิจฉัย คาดส่งผลให้การเบิกจ่ายไม่น่าล่าช้ามากหรือน่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง เรามองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ-นิคมอุตสาหกรรม อาทิ STEC CK PYLON SEAFCO

กลยุทธ์ที่เหมาะสมยังคงเป็นการเลือกซื้อรายกลุ่ม เราประเมินหุ้นในกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว หรือ ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสต่ำ จะมีโอกาสได้อานิสงส์จากการ rotate เม็ดเงินในตลาด อาทิ รับเหมาฯ-วัสดุก่อสร้าง” (พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ไม่เป็นโมฆะ), ”พลังงาน-โรงกลั่น” (OPEC ลดการผลิตเพิ่ม+ค่าการกลั่นฟื้น), อาหาร (Trade deal+บาทอ่อนค่า) แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวใน STEC, CK, PYLON, SEAFCO, WHA, AMATA, PTT, PTTEP, TOP, CPF, TU ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ติดตามการรายงานผลการดำเนินงานงบไตรมาส 4/62 ที่คาดว่าจะอ่อนแอ และอาจเสี่ยงต่อการปรับประมาณการกำไรลง

ภาพรวมกลยุทธ์ กรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1527-1548 จุด โดยความเคลื่อนไหวอาจผันผวนจากการรายงานผลประกอบการและการปรับประมาณการทางเศรษฐกิจลงที่จะทยอยเกิดขึ้นตามมา กลุ่มโรงกลั่นคาดฟื้นตัวหลัง GRM ดีตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มรับเหมาฯ นิคมฯ ได้อานิสงส์เชิงบวกจากการที่ศาลรธน. มีมติให้พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ไม่เป็นโมฆะ // หุ้นแนะนำวันนี้ STEC, PYLON* /เก็งกำไร MC* (เป้า 11.3 ตัดขาดทุน 9.90), JMT* (เป้า 26 ตัดขาดทุน 21)

แนวรับ 1527 จุด / แนวต้าน : 1548 สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%.

ประเด็นการลงทุน

เฟดชี้นโยบายการเงินเหมาะสม ความเสี่ยงขาลงลดลง –แต่แนะจับตาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

WHO แสดงความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน – องค์การอนามัยโลกเตือน จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่นอกปรเทศจีนอาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง พร้อมยังแสดงความกังวลต่อกสนแพร่ระบาดจากผู้ที่ไม่เคยเดินทางไปจีน

BOT ย้ำดอกเบี้ยลดได้อีก – แบงก์ชาติย้ำ ดอกเบี้ยนโยบายยังลดได้อีกหากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวมากกว่าคาด พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ จี้แบงก์ตั้งทีมคุมหนี้เสีย

ค่าระวางเรือ – ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) อยู่ที่ 411 เปลี่ยนแปลง -4 หรือ -0.96%

ประเด็นติดตาม: 12.พ. – OPEC monthly report / ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์, 13.พ. – เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค., 14.พ. – EU GDP 4Q19

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)