อย่าให้วิกฤติไวรัส กลายเป็นวิกฤติในจิตใจ!

อย่าให้วิกฤติไวรัส กลายเป็นวิกฤติในจิตใจ!

ในวิกฤติไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่แพร่กระจายไปหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบทางตรงและอ้อมต่อภาคธุรกิจ เศรษฐกิจอย่างมาก ช่วงเวลานี้จึงควรเป็นช่วงที่ให้กำลังใจกัน อย่างน้อยก็ร่วมกันผ่านไปอย่างมีสติ อย่างคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัสทางจิตใจ

Part 1. วิกฤติไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ในประเทศจีนเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นวิกฤติระดับโลก จากระดับเมือง สู่ระดับชาติและระดับโลกอย่างรวดเร็ว เพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน (ว่าเกิดจากการบริโภคสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่น หรืออาจเป็นอาวุธชีวภาพที่มนุษย์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา!?) และยังไม่มีวัคซีน หรือยาที่ใช้แก้ไขโดยตรง สิ่งที่ทำได้คือ การป้องกันและรักษาอย่างระมัดระวัง ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่รักษาหายและผู้ที่ล้มหายตายจากทุกวัน

(ข่าวดีก็คือ คุณหมอของโรงพยาบาลราชวิถีของไทย คิดค้นผสมยารักษาเอดส์ กับยาต้านไวรัสอื่นๆ มาเริ่มรักษาได้แล้ว น่าชื่นชมมากครับ)

จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก (เพิ่มจากหลักร้อย สู่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น) โดยเฉพาะในประเทศจีน ส่วนจำนวนผู้ที่เสียชีวิตก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกๆ วัน วิกฤติยังคงลุกลามไปประเทศอื่นๆ เพราะระยะฟักตัวของไวรัสชนิดนี้ 1-2 สัปดาห์ถึงจะแสดงอาการ

ไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบทั้งในวงกว้างและเชิงลึก ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความเป็นความตายของคน และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาวะเศรษฐกิจ ยิ่งกว่าผลกระทบในด้านอื่นๆ ในหลายปีที่ผ่านมา

ในแง่ประชาชนทั่วไปต่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกับการใช้ชีวิต ในแง่ของธุรกิจ หลายธุรกิจถึงกับชะงักหรือทยอยปิดตัว โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่แต่เดิมจับตลาดลูกค้าจากประเทศจีนเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน เป็นตัวเลขถึง 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศไทย

จากเดิมสภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหาสะสมอยู่แล้ว และหนี้ครัวเรือนในประเทศอยู่ในระดับสูง กำลังซื้อถดถอย เมื่อเจอวิกฤติไวรัสโคโรน่ายิ่งทำให้ทั้งประชาชนและ เจ้าของธุรกิจทุกระดับยิ่งต้องปรับตัวอย่างหนักในปีนี้

Part 2. - ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงรุนแรงและรวดเร็ว เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก 

- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรองลงมา ที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะหดหายแบบตั้งตัว แทบไม่ทัน ทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจที่เป็นศูนย์รวมของคนหมู่มากทุกธุรกิจ เพราะคนจะออกไปรวมกันน้อยลงในช่วงนี้ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อม ไม่มากก็น้อยไปตามๆ กัน

อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตินี้ก็กลายเป็นโอกาสของหลายๆ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการป้องกัน ดูแล รักษาสุขภาพไปจนถึงธุรกิจอำนวยความสะดวกจัดส่งสินค้า จัดส่งอาหารถึงที่ ยอดขายจะดีสวนกระแสกับธุรกิจอื่น

Part 3. อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายต่อต้านจ้องล้มรัฐบาล ไม่ใช่สาระสำคัญในเวลานี้ แต่เรื่องที่ถือว่าเป็นวิกฤติไวรัสกินลึกในจิตใจ ก็คือ กลุ่มคนที่พยายามซ้ำเติม ปล่อยข่าวเฟคนิวส์ทุกวันทั้งวัน และกลุ่มคนที่พยายามฉกฉวยสถานการณ์นี้มาจ้องล้มจับผิดรัฐบาล ถือว่าเป็นการกระทำที่แย่มาก

เวลานี้ควรเป็นเวลาที่ทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันป้องกันและแก้ไข ให้กำลังใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับมือกับสภาวะวิกฤติโคโรน่านี้ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ทางสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกระดับที่มีหน้าที่คัดกรองในทุกช่องทางของการเดินทาง พนักงานที่ต้องให้บริการที่อยู่ในที่ชุมชนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยภาระหน้าที่ยังคงแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่

ฝ่ายที่นอกจากมือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ ปล่อยข่าวบ่อนทำลาย ขอให้ทุกท่านอย่าไปให้ความสำคัญ อย่าไปช่วยกระจายข่าวช่วยแชร์ และถ้ามีบุคคลประเภทนี้ทำงานเป็นลูกจ้าง ทั้งภาครัฐและเอกชน ขอแนะนำว่าอย่าเลี้ยงบุคคลประเภทนี้ เพราะไม่คู่ควรที่จะปล่อยให้กินเงินเดือนแล้วบ่อนทำลายซ้ำเติมอีกต่อไป!

Part 4. ไม่มีทางออกแบบสวยหรู โลกสวยในระยะสั้น จนกว่าสถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลาย (จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทั่วโลกคงที่ และค่อยๆ ลดลง) ซึ่งยังไม่รู้จะเป็นเมื่อไหร่ และสถานการณ์ปัจจุบันจะไปถึงจุดสูงสุดของวิกฤติในสัปดาห์ไหน?

สิ่งที่ทำได้และควรทำในเวลานี้ คือ การตั้งสติเพื่อรับมือกับสถานการณ์ ดูแลพนักงานให้ปลอดภัยเป็นหลัก แทบทุกธุรกิจต้องเผชิญสถานการณ์ตัวเลขรายได้ถดถอยไม่มากก็น้อย เป็นโอกาสที่จะกลับมาทบทวน ตั้งสติ และกำหนดแผนและแนวทางทั้ง 3 ระดับ (วิกฤติรุนแรงขีดสุด /วิกฤติเริ่มลด ความรุนแรงและทรงตัว/วิกฤติคลี่คลาย) เพื่อรับมือกับแต่ละสถานการณ์ โดยไม่ต้องตระหนก

ให้กำลังใจตนเอง ให้กำลังใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และส่งกำลังใจไปทุกที่ทั้งในประเทศเราเองและทุกประเทศที่เผชิญวิกฤติ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน สร้างขวัญและกำลังใจกับทีมงาน ดูแล ป้องกัน ลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน อีกไม่นานทุกอย่างจะผ่านไป อย่างน้อยก็ร่วมกันผ่านอย่างมีสติ อย่างคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัสทางจิตใจครับ