‘นิสสัน อัลเมร่า’  100 แรงม้า... ก็เหลือๆ

‘นิสสัน อัลเมร่า’  100 แรงม้า... ก็เหลือๆ

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ มีรูปทรงที่สวยงามทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม มีความสมส่วนมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากมิติตัวถังที่เปลี่ยนไป ยาวขึ้น 20 มม. กว้างขึ้น 45 มม. และเตี้ยลง 40 มม.ทำให้มีรูปทรงที่ดูสปอร์ตขึ้น และมีผลต่อเรื่องของอากาศพลศาสตร์ด้วย

แต่จุดสนใจหลักๆ ที่ผู้คนมีต่ออัลเมร่า ก็คือ เครื่องยนต์ใหม่ที่ใส่เข้ามา เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ DOHC แต่ให้กำลังที่สูงคือ 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152  นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic 

แม้ว่าในเวลาไล่เลี่ยกันไม่นาน ฮอนด้า จะสร้างความตื่นเต้นมากกว่าด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ เช่นกัน แต่กำลังสูงสุดนั้นดันขึ้นไปถึง 122 แรงม้า แต่นั่นก็ถือว่าเป็นการวางจุดขายที่ต่างกันออกไป ผมเชื่อว่า ซิตี้ ต้องการวางตำแหน่งเป็น พรีเมียม อีโค คาร์ หรือ ไม่ก็สปอร์ต อีโค คาร์ ซึ่งอารมณ์นั้นน่าจะต้องไปแข่งกัน มาสด้า 2

158123054259

แต่ก่อนที่จะไปดูกันที่เครื่องยนต์ มาดูภาพรวมของ อัลเมร่ากันก่อน ผมว่านิสสัน ให้มาคุ้มค่าที่เดียวเมื่อเทียบกับราคาและตลาด โดยอัลเมร่ามี 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

1.0L Turbo S CVT ราคา 499,000 บาท
1.0L Turbo E CVT ราคา 509,000 บาท
1.0L Turbo EL CVT ราคา 559,000 บาท
1.0L Turbo V CVT ราคา 599,000 บาท
1.0L Turbo VL CVT ราคา 639,000 บาท

และอย่างรุ่น VL รุ่นท็อป ที่ผมขับอยู่นี้ ออปชั่นที่ใส่เข้ามามีทั้ง ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า ระบบจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วและหยุดรถให้ความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุบรรเทาลง

ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย ที่จะคอยเตือนระหว่างเข้าเกียร์ถอยหลัง แล้วพบว่าพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบเตือนในด้านเดียวกันกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา ซึ่งมีประโยชน์มากโดยเฉพาะเมื่อถอยออกจากซองจอด

นอกจากนี้ยังกล้องมองภาพรอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุด รอบคัน ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน  ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหันหักเลี้ยว ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน

ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง ม่านถุงลมด้านข้าง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าเป็นแบบ ELR 3 จุด แบบดึงกลับอัตโนมัติ และผ่อนแรงอัตโนมัติ ด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ระบบเบรกเอบีเอสระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ แอลอีดี เห็นได้ชัดเจน

158123146540

ที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายและความบันเทิงเช่น  นิสสัน คันเนคท์ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง พร้อมลำโพง 6 ดอก ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอย่าง Apple CarPlay

มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ อุณหภูมิภายนอก

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แบบ D-Shape ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนเบาะนั่งเป็นเบาะผ้า เลือกใช้สีดำตัดขอบสีเทาให้ดูสปอร์ต  

ส่วนวัสดุภายในโดยรวมถือว่าใช้ได้ แต่มีบางจุดที่อาจจะดูเกรดต่ำไปนิด โดยเฉพาะบริเวณแผงข้างประตู ส่วนบริเวณถือว่าใช้ได้ครับ  

ขณะที่ห้องโดยถือว่ากว้างสำหรับอีโค คาร์ เบาะนั่งออกแบบนั่งได้สบาย ไม่นุ่ม ออกจะแข็งๆ หน่อยด้วยซ้ำ แต่เข้ากับลำตัวได้ดี ทัศนวิสัยเมื่อนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ดี เห็นได้กว้าง ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ควบคุม ใช้งานได้ง่าย พวงมาลัย แป้นเบรกต่างๆ อยู่ในระดับที่ควบคุมได้อย่างผ่อนคลาย 

158123207991

158123208069

158123208035

158123054161

กลับมาที่เรื่องของ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 100 แรงม้า จากการลองขับจริงในเส้นทาง ภูเก็ต-พังงา-ภูเก็ต ผมว่ากำลังเพียงพอแล้วครับ การขับขี่ทั่วไป  การเร่งแซงก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา โดยเฉพาะที่ความเร็วช่วงกลาง ขับอยู่สัก 60-80 กม./ชม. แล้วเติมคันเร่งขึ้นไป  การตอบสนองทำได้รวดเร็ว ส่วนที่ความเร็วต่ำๆ เมื่อต้องการอัตราเร่งจะมีจังหวะหน่วงและการเค้นเครื่องยนต์ให้รู้สึกบ้าง แต่ไม่มีปัญหากับการใช้งานจริง 

158123054360

ส่วนความเร็วสูงๆ ทำได้ไหม ทำได้ครับ จะ 120 กม./ชม. หรือบางช่วงที่ต้องเร่งแซง ต้องเกินกว่านี้ไปบ้าง การตอบสนองของเครื่องยนต์ยังคงมาอย่างต่อเนื่อง เอาเป็นว่าเรื่องเครื่องยนต์ไม่มีปัญหาต่อการใช้งานจริงไม่ว่าจะเป็นทางราบหรือทางเขาในเส้นทางทดลองขับ หรือถ้าใครต้องการให้มันกระฉับกระเฉงขึ้นก็กดปุ่มสปอร์ตที่อยู่ที่คันเกียร์

การขับขี่ในเส้นทางที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ ก็ดีอย่าง เพราะทำให้จับความรู้สึกได้ว่า เสียงเครื่องยนต์ทำงานได้เงียบดีจริงๆ ไม่ว่าจะป็นการเดินเครื่องนิ่งๆ การเติมน้ำหนักคันเร่งแบบนุ่มๆ หรือกดหนักๆ ก็ตาม 

และเมื่อรวมกับภาพรวมในห้องโดยสาร ถือว่าเป็นรถที่เก็บเสียงได้ดีมาก สำหรับอีโค คาร์ ที่ความเร็วการเดินทางปกติเสียงที่เล็ดลอดเข้ามามีน้อย ทั้งเสียงยาง เสียงลม เสียงหรือว่าเสียงเครื่องยนต์

ช่วงล่างให้ความรู้สึกนุ่มนวล เก็บแรงสั่นสะเทือนช่วงรอยต่อของถนน หรือ ช่วงถนนที่กำลังซ่อมแซม ขยายเส้นทางย่านพังงาได้ดี แต่ก็ต้องชมครับว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องพึ่งพามันในเส้นทางโค้งทางภูเขา ก็จัดการได้ดี การเกาะถนนทำได้เหนือกว่าที่คาดไว้ ทำให้กล้าพอที่จะใช้ความเร็วในโค้ง

ช่วงแรกๆ ที่เติมความเร็วมากๆ สักหน่อย จับความรู้สึกได้ถึงอาการโอเวอร์สเตียร์เล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากช่วงล่างที่ตั้งไว้นุ่มนวล แต่พอจับจังหวะจับอารมณ์ได้ เปลี่ยนรูปแบบการควบคุมพวงมาลัยเล็กน้อย หมุนนุ่มๆ คืนเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย กลายเป็นว่า อัลเมร่า กลายเป็นรถที่ขับได้สนุกคันหนึ่งในเส้นทางแบบนี้เลยขับ เข้า-ออกโค้ง ได้รวดเร็ว และนุ่มนวล

อารมณ์สปอร์ต ก็หาได้จาก อีโค คาร์ เช่นกัน 

สำหรับระบบช่วงล่าง ด้านหน้า เป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลัง เป็นแบบ ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนยางใช้ขนาด 195/65 R15 ซึ่งยางในทุกรุ่นย่อยใช้ขนาดเท่ากัน ต่างกันแค่เป็นล้อกะทะ กับล้ออัลลอยเท่านั้น ส่วนรุ่นที่ผมขับเป็น VL ซึ่งเป็นตัวท็อป

ระบบเบรก ด้าหน้าดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรก ซึ่งการทำงานของเบรกทำได้ดี เบรกแล้วรถมีการทรงตัวดี แม้จะเบรกหนักๆ แต่ตัวแป้นเบรกค่อนข้างลึก แต่เมื่อขับสักพักก็ชิน และรู้ระยะการเบรก เข้าใจว่าคงตั้งใจเซ็ทไว้ให้เบรกอย่างนุ่มนวล ไม่ใช่แตะเบรกแล้วหน้าทิ่ม 

หากใครมาถามว่า สรุปว่าน่าใช้ไหม... ด้วยสมรรถนะ อารมณ์ในการขับขี่ และราคาระดับนี้ น่าใช้... นั่นเป็นคำตอบของผมครับ

158123207999