'จุรินทร์' สวน หน้ากาก 2.50 บาท เหมาะสม

วันนี้ (8 ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์เปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงหน้ากากอนามัยที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดไวรัสโคโรน่า โดยกระทรวงพาณิชย์จำหน่ายในราคา 2.50 บาท จำนวน 200,000 ชิ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่องค์การเภสัชกรรม ขายหน้ากากอนามัยชิ้นละ1 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์ขาย 2.50 บาท นั้น ต้องสอบถามต้นทุนว่ามีต้นทุนเท่าไหร่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จำหน่ายชิ้นละ 2.50 บาท เป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมสอดคล้องกับต้นทุน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาต่อเนื่อง และได้ตั้งวอรูมติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาในส่วนงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์มาตลอด 2 สัปดาห์

สำหรับสินค้าที่จำเป็นต่อประชาชน 2 ชนิด ได้แก่ 1.หน้ากากอนามัย 2.เจลล้างมือ อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มองว่าต้องกำหนดให้หน้ากากอนามัย วัตถุดิบในการผลิตและเจลทามือเป็นสินค้าควบคุมเพื่อใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุมตามกฏหมาย ซึ่งทำให้อธิบดีกรมการค้าภายในใช้อำนาจสั่งการควบคุมให้ผลิตสินค้าเพิ่ม และกระจายสินค้าให้ทั่วถึง 

"อธิบดีกรมการค้าภายในได้กำชับผู้ผลิต 10รายใหญ่ทั่วประเทศ ให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้และทุกโรงงานก็ตอบรับด้วยดี"

นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายในได้ใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ผลิตได้กระจายสินค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศเร่งด่วนและทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้ส่งสินค้าจำนวนหนึ่งเพื่อเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าหน้ากากอนามัยไปยังพี่น้องประชาชนที่ต้องการโดยให้กระจายไปที่ 1.ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 300,000 ชิ้น 2. กระทรวงพาณิชย์ 200,000 ชิ้น และ 3.ร้านธงฟ้า 820 สาขาทั่วประเทศ จำนวน 500,000 ชิ้น โดยจะเริ่มกระจายสินค้าตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 ก.พ.2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการจำหน่ายต่อเนื่องอีกประมาณ 15 วัน

รวมถึงตรวจสอบสต๊อกสินค้า และควบคุมการส่งออกและการนำเข้า ซึ่งหากมีผู้ส่งออกเกิน 500 ชิ้นต้องขออนุญาตอธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ใครส่งออก

นอกจากนี้ ได้มีการจับกุมผู้ทำผิดและดำเนินคดี 11 ราย พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายคือมีการจำหน่ายราคาเกินจริง ซึ่งได้ส่งให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์ก็จะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด