'ไทย' รุกตลาดอินเดีย เจาะ 8 รัฐเป้าหมาย

'ไทย' รุกตลาดอินเดีย  เจาะ 8 รัฐเป้าหมาย

ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ สงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจว่าจะยุติหรือไม่ แต่สำหรับอินเดียแล้วสงครามการค้ากลับไปกระทบ

ขณะที่ไทยต้องพึ่งการส่งออกเป็นหลัก อินเดียจึงเป็นเป้าหมายหนึ่งใน 18 ประเทศที่กระทรวงพาณิชย์วางแผนที่จะเดินทางไปเจาะตลาดหาลู่ทางขายสินค้าของไทย จากข้อมูลทางการค้า พบว่า ปี 2561 อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 13 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 12,493.17 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20.45% จากปี 2560 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

สำหรับแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกสินค้า นั้น นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า จะเร่งขยายตลาดอินเดียเชิงรุกโดยเจาะตลาดเป็นรายรัฐ รวม 8 รัฐเป้าหมายของอินเดีย ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐคุชราต รัฐกรณาฏกะ รัฐทมิฬนาฑู รัฐเตลังกานา นิวเดลี รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐเจ็ดสาวน้อยหรือรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งในแต่ละรัฐประชาชนก็มีพฤติกรรมการบริโภคและความต้องการสินค้าที่แตกต่างกัน

โดยก่อนหน้าที่ นายจุรินทร์ ลักษวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะนักธุรกิจเดินทางไปเมืองมุมไบและเชนไน เมื่อปลายก.ย.ปี 2562 เพื่อขายยางพารา ล่าสุดเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้นำคณะผู้แทนเอกชนเดินทางเยือนเมืองเบงกาลูรู รัฐกรณาฏกะ และไฮเดอราบัด รัฐเตลังกานา ซึ่งทั้ง 2 รัฐถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดีย ซึ่งจะมีการขยายตัวของธุรกิจอื่นๆ ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยว เป็นต้น ทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ อีกมาก รวมถึงความต้องการของนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติด้วย

การเดินทางไปอินเดียครั้งที่ 2 นี้ ก็เพื่อขายสินค้าพวกป้งมันสำปะหลัง ไม้ยางพารา อาหาร ผลไม้ วัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง รวมทั้งเปิด เปิดร้านค้าออนไลน์ของไทย (TOPTHAI Store) บนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดีย Bigbasket.com รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอาหารและผลไม้ไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอินเดียอีก 2 แห่ง

นายโรหิต เมท์ธา ประธานหอการค้าอินโด-ไทย ประเทศอินเดีย มองว่า การที่ไทยยกทัพภาคธุรกิจและภาครัฐมาอินเดีย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐ เกาหลีใต้ จีน และยุโรป สนใจที่เข้ามาลงทุนและนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศอินเดีย ยิ่งขณะนี้อินเดียมีนโยบายพัฒนาประเทศในหลาย ๆ ด้าน และในหลายเมือง

แต่การที่ไทยพุ่งเป้าไปยังสินค้าเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมองในภาพกว้างทั้งหมดทั้งการลงทุนด้านเกษตร อุตสาหกรรม สำหรับสินค้าเกษตรนั้นสินค้าจะต้องมีราคาไม่แพง มีคุณภาพ จึงจะสามารถนำมาขายได้ นอกจากนี้ อินเดียยังมีอีกหลายเมืองที่น่าสนใจและยังมีความต้องการในสินค้ามาก ดังนั้น ไทยจะต้องมองไปยังเมืองเล็กๆที่กำลังพัฒนาเมือง อย่าทำเพียงเมืองรองหรือเมืองหลักเท่านั้น เพราะในบางเมืองก็มีประชากรกว่า 6.6 ล้านคนแล้ว ซึ่งก็มีกำลังซื้อสูง

158108430241

นายอัครินทร์ วงศ์อภิรัตน์ นักธุรกิจไม้ยางพาราไทย กล่าวว่า ไทยมีช่องทางและโอกาสส่งออกสินค้าเกษตรมายังอินเดียได้หลายรายการ โดยเฉพาะไม้ยางพารา เนื่องจากอินเดียอยู่ระหว่างกำลังพัฒนาประเทศไปสู่เมืองเฟอร์นิเจอร์ปาร์ค และยกระดับความยากจนของประชากรอินเดียให้มีที่อยู่อาศัยครอบคลุมมากขึ้น เพื่อรองรับนโยบาย House for all คนอินเดียต้องมีบ้านทุกคน จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ไทยจะสามารถส่งออกไม้ยางพาราเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ส่งออกเพียง 1% ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยตั้งเป้าให้มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี แต่เมื่ออินเดียตั้งเป้าจะพลิกโฉมเพื่อรองรับจำนวนประชากรที่มากขึ้นในอนาคต เอกชนจึงมั่นใจว่าในอีก 3-4 ปี จะส่งออกไม้ยางพาราได้เพิ่มขึ้นได้มากกว่า 2%

นางสาวพันนภา รักสนิท ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเครื่องแกง เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง บริษัทโฮชิ (ไทย) อิมพอร์ต เอ็กซ์พอร์ต จำกัด มองว่า ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก จากการพูดคุยกับนักธุรกิจอินเดียในงานกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ พบว่า นักธุรกิจอินเดียหลายคนให้ความสนใจที่จะนำเข้าสินค้าจากบริษัท โดยเฉพาะสินค้าพวกเครื่องเทศ เครื่องแกงทั้งหลาย เนื่องจากอินเดียมีความต้องการสินค้าประเภทนี้ค่อนข้างสูง นอกจากนี้สินค้าพวกผลไม้แห้งที่มีการบรรจุแพจเกิ้งที่ไม่ใหญ่มากสะดวกต่อการซื้อ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ สินค้าที่นำเข้าไปขายต้องราคาไม่แพงหากเป็นที่พอใจก็จะสามารถขายได้ปริมาณมาก

เสียงสะท้อนจากนักธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า ช่องทางการเปิดตลาดในอินเดียยังเปิดกว้าง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยหากว่าจับจุดที่ถูกต้อง และเข้าใจผู้บริโภคอินเดียในแต่ละรัฐ ก็จะสามารถเจาะตลาดได้ เพราะชาวอินเดียมองว่า สินค้าไทยเป็นสินค้าที่สามารถจับต้องซื้อได้  รวมทั้งอินเดียจะเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคเอเชียใต้อีกด้วย