ผลวินิจฉัยของศาลรธน.

ผลวินิจฉัยของศาลรธน.

ขึ้นขาย รอซื้อคืนเมื่ออ่อนตัว

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เราคาดว่าตลาดหุ้นวันนี้จะขึ้นอยู่กับผลวินิจฉัยของศาลรธน. ต่องบประมาณปี 2020 โดยหากผลตัดสินออกมา ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณฯ ต้องล่าช้าออกไปอีกหลายเดือน จะเป็นปัจจัยลบและถ่วงดัชนีฯ ร่วงลงมาที่ 1525 / 1515 จุด ในทางตรงกันข้าม หากผลตัดสินออกมา ทำให้การเบิกจ่ายงบฯ ไม่ล่าช้า จะหนุนดัชนีฯ ขึ้นต่อไปที่ 1545 / 1550 จุด ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่มี High Correlation กับข่าวดังกล่าวสูงสุด ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องจับตา 1) เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัว หลังจีนปรับลดภาษีสินค้านำเข้าตามสัญญาการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ จับตาตัวเลขดุลการค้าจีน และการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้ 2) ราคาน้ามันดิบมีโอกาสฟื้นตัว แต่อาจปรับขึ้นได้จากัด หลังรัสเซียมีความเห็นต่างเรื่องการปรับลดกาลังการผลิตเพิ่มตามที่ซาอุฯ เสนอ 3) สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสฯ เริ่มมีจานวนผู้ติดเชื้อเติบโตในอัตราที่ลดลง

ประเด็นสำคัญวันนี้: USA-การจ้างงานเดือน ม.ค. คาดเพิ่มขึ้น 160k อัตราว่างงานคงที่ที่ 3.5% / ไทย-ศาลรธน. วินิจฉัยกรณีงบประมาณรัฐฯ

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วานนี้

+/- ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวแย่สุดในภูมิภาค โดยดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบ 1530-1541 จุด ก่อนมาปิดที่ 1535.79 จุด +1.65 จุด หรือ +0.11% วอลุ่ม 6.93 หมื่นล้านบาท กลุ่มปิดบวก ได้แก่ รับเหมาฯ +3.89% ธนาคารฯ +1.85% ส่วนกลุ่มปิดร่วง ได้แก่ ICT -1.73% เกษตรฯ -1.02%

+ ตลาดหุ้นโลกพุ่งต่อเป็นวันที่4: การรประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ตามสัญญาเฟสแรก รายงานผลกำไรที่ดีกว่าคาด ส่งผลต่อการทำ New High ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJ +0.3% S&P500 +0.33% Nasdaq +0.67% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นจากรายงานผลกำไรบจ.ดีขึ้น DAX +0.72% CAC40 +0.88%

+ น้ำมันดิบปิดคละ แต่ทองคำบวกต่อเป็นวันที่ 2: WTI +USD0.20 ปิด USD50.95/บาร์เรล Brent -USD0.35 ปิด USD54.93/บาร์เรล รับข่าวความเห็นต่างระหว่างซาอุฯ กับรัสเซีย โดยซาอุฯ ต้องการลดกาลังการผลิตเพิ่ม แต่รัสเซียต้องการแค่ขยายเวลาลดการผลิตออกไป ส่วนทองคำเพิ่มขึ้น +USD7.20 ปิด USD1,570/ออนซ์ จากการเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ

ประเด็นสำคัญ

- Coronavirus Update: รายงานผู้ติดเชื้อสิ้นสุดวันพฤหัสฯ 6 ก.พ. อยู่ที่ 28,018 ราย เพิ่มขึ้น 2,447 ราย (Vs วันก่อนหน้า +3,694 ราย) ผู้เสียชีวิต 662 ราย เพิ่มขึ้น 69 ราย (Vs วันก่อนหน้า +73 ราย) ส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลหูเป่ย ที่มีผู้ติดเชื้อ 22,112 ราย เสียชีวิต 618 ราย

+/- งบประมาณรัฐบาล: จับตาการวินิจฉัยของศาลรธน. บ่ายนี้ มี 4 กรณี คือ 1) ไม่ผิด–ใช้งบฯ ได้ทันที 2) ผิดรัฐธรรมนูญ-ต้องเริ่มต้นพิจารณางบฯ ปี 2020 ใหม่ ตั้งแต่วาระแรก 3) ผิด-แต่แก้ไขเฉพาะบางมาตราที่ผิด 4) ผิด-แต่แก้ไขไม่นับเสียงโหวตของผู้ที่เสียบบัตรให้กัน ทั้งนี้ กรณีที่ดีต่อ GDP ไทยสูงสุด คือ ไม่ผิด หรือ ผิด-แก้ไขไม่นับเสียงของผู้เสียบบัตรให้กัน ซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปได้น้อย ส่วนกรณีที่แย่ คือ ผิด-ต้องเริ่มพิจารณาใหม่ อันจะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน 6.558bn. ในปีนี้ล่าช้า และมีผลกระทบต่อ 2020E GDP ระหว่าง -0.4% และ -0.8% ตามลำดับ อิงเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้า 10-20% ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ มีความสัมพันธ์สูงสุดต่อผลตัดสิน

+/- สรุปปัจจัยวานนี้: ไทย-เงินเฟ้อเดือน ม.ค. สูงกว่าคาดเป็น +1.05% YoY (Vs คาด +0.96% และเดือน ธ.ค. 0.87%) / ฟิลิปปินส์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 3.75% / ADVANC ปันผลสำหรับงวด 2H19 ที่ 3.56 บาท/หุ้น XD 19 ก.พ. / KTB ลดดอกกู้ MLR 0.25% เป็น 5.775% (จาก 6.025%) มีผลวันที่ 7 ก.พ. / ธอส. ลดดอกกู้ 0.125-0.25% มีผลวันที่ 7 ก.พ.

+ Trade war: จีนลดภาษี วงเงิน USD7.5 หมื่นล้าน ตามเงื่อนไขการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ โดยลดภาษีนำเข้าน้ำมันดิบเป็น 2.5% (จาก 5%) ถั่วเหลือง เป็น 27.5% (จาก 30%) เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เป็น 30% (จาก 35%) มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.

กลยุทธ์: ขึ้นขาย รอซื้อคืนเมื่ออ่อนตัว

หุ้นแนะนารายสัปดาห์: DIF JASIF JMT

หุ้นโมเมนตัมบวก: STEC CK BCP SHR DOD K CSS TTCL

หุ้นโมเมนตัมลบ: GULF BGRIM GPSC JAS TSE TACC

Derivatives: แนะ wait&see หลังปิดทากาไร S50H20 ไปแล้ว (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)