รอผลศาลรัฐธรรมนูญ

รอผลศาลรัฐธรรมนูญ

นักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขาย เพื่อติดตามคำวินิจฉัยศาลรธน.ประเด็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี63 ว่าจะออกมาในรูปแบบใดเนื่องจากมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยรวมถึงแนวโน้มการลงทุนในช่วงถัดไป

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index วานนี้แกว่งตัวแคบ +1.65 จุด (+0.11%) ปิดที่ 1,536 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท แม้ว่าภาวะตลาดจะได้กระแสข่าวบวกการค้นพบยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั้งในจีนและอังกฤษ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมันและปิโตรฯ อย่างไรก็ตามดัชนีถูกแรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้า, ICT และ HEALTH กดดันส่งผลให้ปิดบวกเพียงเล็กน้อย โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 2,378 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 878 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX 2,356 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

มุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,525 - 1,545 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะมีแรงหนุนจากสถานการณ์ Tradewar หลังจีนเตรียมลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีผล 14 ก.พ. ประกอบกับกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1% ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามคำวินิจฉัยศาลรธน.ประเด็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี63 ว่าจะออกมาในรูปแบบใดเนื่องจากมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยรวมถึงแนวโน้มการลงทุนในช่วงถัดไป นอกจากนี้ความกังวลกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องนั้นจะกดดันต่อดัชนีด้วยเช่นกัน 

** วันนี้ (7 ก.พ.) ช่วงบ่าย ติดตามศาลรธน.วินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 โดยไม่ไต่สวนพยานพร้อมนัดลงมติ

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มรับเหมา (CK, STEC, SEAFCO) คาดหวังผลคำวินิจฉัยพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ออกมาเป็นบวก
  • กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นและค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA) Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 15.3 ซื้อ/เป้า 17.5) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโรส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจของ TU เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม โดยทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 600 -700 ล้านบาท
  • CPF (ปิด 28.75 ซื้อ/เป้า 33.5) คาดกำไรสุทธิ 4Q19 ประมาณ 3.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%qoq และ 105%yoy จากราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65,000 ดองต่อ ก.ก. เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก.ใน 3Q19 และคาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องอีกใน 1Q2020 จากราคาหมูในประเทศและราคาหมูเวียดนามเร่งตัวขึ้นอีกในปัจจุบัน

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 204 ซื้อ/เป้า 257), VNT (ปิด 24.8 ซื้อ/เป้า 29)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) Trade war ผ่อนคลาย จีนประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มอีก 7.5 หมื่นล้านดอลล์ มีผล 14 ก.พ.นี้: จีนประกาศเตรียมปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากสหรัฐเพิ่มอีก 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.เป็นต้นไป แบ่งเป็นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบที่จีนเรียกเก็บจากสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 2.5% จากระดับ 5%, ภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจะลดลงสู่ระดับ 27.5% จากระดับ 30% ส่วนภาษีนำเข้าเนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อไก่ จะปรับลดลงสู่ระดับ 30% จากระดับ 35% แม้การประกาศลดภาษีดังกล่าวจะเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลงการค้าเฟสแรก แต่ก็แสดงถึงความมุ่งมั่นของจีนที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง
  • (+/-) วันนี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคำร้องร่าง พ.ร.บ.ปี 63 ระวังแรงขาย Sell on fact กลุ่มรับเหมา : เราแบ่งแนวทางการตัดสินออกเป็น 3 แนวทาง คือ 1) Best case หรือแนวทางที่ดีที่สุดคือศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ชอบด้วยกฏหมาย เป็นบวกโดยตรงต่อตลาดหุ้นและหุ้นที่เกี่ยวข้อง, 2) กรณี Base case ศาลพิจารณาตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ขัดรัฐธรรมนูญเฉพาะมาตรา (ผิดเฉพาะมาตราที่เสียบบัตรแทนกัน) เป็นลบช่วงสั้นแต่กลาง-ยาวกลับมาดีเพราะรู้ช่วงเวลาในการแก้ไขสถานการณ์ และ 3) Worst case หรือ กรณีเลวร้ายที่สุด คือศาลมีคำตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีกระบวนการจัดทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ กรณีนี้รัฐบาลจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เป็นลบต่อตลาดหุ้น กลุ่มรับเหมาและนิคมฯ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงยังถือลงทุนต่อได้ แต่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแนะนำขายหรือล็อคกำไรไว้ก่อน
  • (+/-) ADVANC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q19 และเงินปันผล 2H19 ต่ำกว่าที่เราคาดไว้: ADVANC มีกำไรสุทธิ 4Q19 ที่ 7,032 ล้านบาท ลดลง 19%qoq แต่เพิ่มขึ้น 3%yoy เนื่องจากมีขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ และมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นรวมไปถึงมีค่าใช้จ่าย Special bonus ให้กับพนักงานเนื่องในวันวาระครบรอบ 30 ปี หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะมีกำไรปกติที่ 7.9 พันล้านบาทใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ ส่งผลให้ทั้งปีมีกำไรสุทธิรวม 31,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% ส่วนเงินปันผลจ่าย ADVANC ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H19 ที่ 3.56 บาทต่อหุ้น (น้อยกว่าที่เราคาดไว้ 4 บาทต่อหุ้น )ให้ Dividend yield ประมาณ 1.7% ขึ้นเครื่องหมาย XD 19 ก.พ .2020 เงินปันผลที่ต่ำกว่าคาดส่วนหนึ่งมาจากการกันสำรองเงินทุนไว้สำหรับการประมูล 5G ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 16 ก.พ.2020 เรายังแนะนำ ซื้อ ADVANC ตามเดิมราคาเป้าหมาย 257 บาท