หุ้นไทยวิ่งในกรอบ 1,525-1,545 จุด จับตาคำวินิจฉัยศาลรธน.วันนี้

หุ้นไทยวิ่งในกรอบ 1,525-1,545 จุด จับตาคำวินิจฉัยศาลรธน.วันนี้

บล.กรุงศรี คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,525-1,545 จุด แม้ภาวะตลาดจะมีแรงหนุนจากสถานการณ์ Tradewar ประกอบกับ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1% ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางลงทุน อย่างไรก็ตามคาดนักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามคำวินิจฉัยศาลรธน. วันนี้

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ระบุว่า วานนี้ (6 ก.พ.) SET Index แกว่งตัวแคบ +1.65 จุด (+0.11%) ปิดที่ 1,536 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท แม้ว่าภาวะตลาดจะได้กระแสข่าวบวกการค้นพบยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั้งในจีนและอังกฤษ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมันและปิโตรฯ อย่างไรก็ตามดัชนีถูกแรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้า, ICT และ HEALTH กดดันส่งผลให้ปิดบวกเพียงเล็กน้อย โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 2,378 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 878 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX 2,356 สัญญา

สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (7 ก.พ.) มีมุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,525 - 1,545 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะมีแรงหนุนจากสถานการณ์ Tradewar หลังจีนเตรียมลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีผล 14 ก.พ. ประกอบกับ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1% ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามคำวินิจฉัยศาลรธน.ประเด็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ว่าจะออกมาในรูปแบบใดเนื่องจากมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยรวมถึงแนวโน้มการลงทุนในช่วงถัดไป นอกจากนี้ความกังวลกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องนั้นจะกดดันต่อดัชนีด้วยเช่นกัน

** วันนี้ (7 ก.พ.) ช่วงบ่าย ติดตามศาลรธน.วินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 โดยไม่ไต่สวนพยานพร้อมนัดลงมติ

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy กลุ่มรับเหมา (CK, STEC, SEAFCO) คาดหวังผลคำวินิจฉัยพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ออกมาเป็นบวก กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นและค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA) Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้ TU (ปิด 15.3 ซื้อ/เป้า 17.5) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโรส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจของ TU เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม โดยทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 600 -700 ล้านบาท

CPF (ปิด 28.75 ซื้อ/เป้า 33.5) คาดกำไรสุทธิ 4Q19 ประมาณ 3.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%qoq และ 105%yoy จากราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65,000 ดองต่อ ก.ก. เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก.ใน 3Q19 และคาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องอีกใน 1Q2020 จากราคาหมูในประเทศและราคาหมูเวียดนามเร่งตัวขึ้นอีกในปัจจุบัน