ลุ้น 'ศาลรธน.' วินิจฉัยงบปี 63 ชี้อนาคต 'หุ้นรับเหมา'

ลุ้น 'ศาลรธน.' วินิจฉัยงบปี 63 ชี้อนาคต 'หุ้นรับเหมา'

เดิมคาดหวังกันว่าหุ้น "กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง" จะกลับมาเฉิดฉายได้ในปีนี้ เพราะภายหลังการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2562 รัฐบาลก็เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณปี 2563 อย่างเต็มที่

แต่สุดท้ายก็มีอันต้องสะดุดและล่าช้าไปอีก เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจากการ “เสียบบัตรแทนกัน” ของ ส.ส.ในระหว่างการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ ทำให้ต้องส่งเรื่องไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะกลายเป็น “โมฆะ” หรือไม่

ก่อนหน้านี้ดัชนีหมวดรับเหมาก่อสร้าง นับแต่เปิดปี 2563 จนถึง 16 ม.ค. ที่ผ่านมา โดดเด่นที่สุดในบรรดาทุกหมวดอุตสาหกรรมของตลาดหุ้นไทย โดยเพิ่มขึ้นถึง 11% แต่หลังจากนั้นดัชนีกลุ่มรับเหมาค่อยๆ ร่วงกลับลงมาที่เดิม

วันนี้ (7ก.พ.) เวลา 13.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ ทำให้หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างคึกคัก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ เช่น บมจ.ช.การช่าง (CK) เพิ่มขึ้น 5.47% ปิดที่ 21.20 บาท บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) เพิ่มขึ้น 5.19% ปิดที่ 16.20 บาท บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) เพิ่มขึ้น 2.59% ปิดที่ 5.95 บาท บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(UNIQ) เพิ่มขึ้น 2.76% ปิดที่ 7.45 บาท

อย่างไรก็ตาม ผลคำตัดสินในท้ายที่สุดของศาลรัฐธรรมนูญยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การนัดฟังคำตัดสินถือว่าเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งได้ประเมินผลหลังคำตัดสินเป็น 3 กรณี

158099906719

กรณีแรก เป็นกรณีที่ดีที่สุด หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเป็นเรื่องของสภาฯ โดยประเมินความผิดเป็นรายบุคคล และไม่ให้นับเสียงที่ถือเป็นโมฆะ คือไม่ต้องลงคะแนนใหม่ ดัชนี SET จะตอบรับเชิงบวกราว 10 - 20 จุด โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาและนิคมอุตสาหกรรม

กรณีที่สอง ผลกระทบเป็นกลาง หากศาลรัฐธรรมนูญมองว่าผิดเป็นรายบุคคล และให้ลงคะแนนใหม่ในวาระที่มีปัญหา ดัชนี SET จะทรงตัวเพื่อรอดูระยะเวลาในการกลับมาลงคะแนนวาระ 2 และ 3 อีกครั้ง

กรณีที่สาม ผลกระทบเชิงลบ คือ ศาลรัฐธรรมนูญตีตก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2563 ทั้งฉบับ ซึ่งดัชนี SET จะตอบรับเชิงลบ ลดลง 10-20 จุด และอาจลงไปต่ำกว่า 1500 จุด อีกครั้ง

ในมุมของ ดนัย ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า หุ้นรับเหมาก่อสร้างกลับมาสู่ความคาดหวังเช่นเดียวกับช่วงต้นปีอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นมองว่าแรงซื้อที่เข้ามาล่าสุด เป็นการเก็งกำไรต่อประเด็นการพิจารณาของศาลเป็นหลัก ซึ่งก็มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะขายทำกำไรออกมาภายหลังจากทราบผลการตัดสินในวันนี้

“การเร่งพิจารณาในประเด็นนี้เรียกได้ว่าทุกภาคส่วนพยายามช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อได้ในชั่วโมงนี้ ส่วนผลการตัดสินใจออกมาอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อ หากเป็นเชิงบวก ก็อาจจะเห็นหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ วิ่งต่อได้อีกหน่อย ผสมกับแรงขายทำกำไรบางส่วน แต่ถ้าผลเป็นเชิงลบ ก็น่าจะเห็นแรงขายทำกำไรกดราคาหุ้นลงมา”

ขณะที่ สุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า การปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างวานนี้ (6 ก.พ.) น่าจะเป็นแรงเก็งกำไรไปในเชิงบวกจากนักลงทุนในตลาด 

อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วยังคงแนะนำหุ้นกลุ่มนี้เพียงแค่ ‘เป็นกลาง’ ในระยะยาว เพราะถึงแม้ว่าจะได้งบประมาณภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้น แต่ภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่ยังรุนแรง โดยเฉพาะการเข้ามาแข่งขันจากบริษัทในจีน ทำให้ภาพของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงไม่สดใสนัก

ทางด้าน บล.บัวหลวง มองในมุมที่ต่างออกไป โดยเชื่อว่า ผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2563 จะไม่มีผลต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะงานโครงการก่อสร้างต่างๆ ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2563 ไม่ได้มีมากจนส่งผลบวกหรือลบต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่ ซึ่งงานโครงการใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ซึ่งจะประมูลช่วงกลางปีนี้ จะอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2564 นอกจากนี้ งานที่ประมูลได้ไปแล้วรัฐยังเบิกจ่ายให้ผู้รับเหมาได้ตามงบประจำปีตามปกติ ไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด