รีบาวด์ตามภูมิภาค

รีบาวด์ตามภูมิภาค

กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1% จะช่วยหนุนต่อบรรยากาศการลงทุนอีกด้วย

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น 14.76 จุด (+0.97%) ปิดที่ 1,534 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท ตอบรับจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ประกอบกับกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1% เพื่อบรรเทาผลกระทบไวรัส ภัยแล้งและงบประมาณปี 63 ล่าช้า ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Fin, Tourism และ Trans หนุนดัชนีปิดบวก อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิ 3,628 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 270 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 10,841 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

มุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,545 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับกระแสข่าวการค้นพบยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั้งในจีนและอังกฤษส่งผลให้ sentiment การลงทุนตลาดหุ้นพลิกบวก โดยสะท้อนจาก US bond yield 10 ปีดีดตัวขึ้นและราคาทองคำปรับตัวลง นอกจากนี้ยังหนุนให้ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 51 US/Barrel ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงการที่กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1% จะช่วยหนุนต่อบรรยากาศการลงทุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามยังคงต้องระวัง Fund Flow ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออก รวมถึงนักลงทุนอาจลดความเสี่ยงลงเพื่อติดตามคำวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี63ของศาลรธน.ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.พ.) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง 

** 6 ก.พ. ติดตามงบ ADVANC คาด 4Q19F ที่ 8,017 ลบ. (+17%YoY , -9%QoQ) , 2019F ที่ 32,279 ลบ. (+9% YoY)

** 7 ก.พ. ติดตามศาลรธน.วินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี63 โดยไม่ไต่สวนพยานพร้อมนัดลงมติช่วงบ่าย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นและค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA), Food (CPF, TFG, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่ม Defensive และงบ 4Q19F คาดว่าจะออกมาดีและดีต่อเนื่องในปีนี้ GPSC, GULF, JMT, CPF, TU, SAWAD, MTC, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC, OSP และ CBG

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ADVANC (ปิด 210 ซื้อเป้า 257) ADVANC ประกาศงบ 4Q19 และ ปันผลครึ่งปีหลังวันนี้ คาดมีกำไรสุทธิ 8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 17%yoy แต่ลดลง 8%qoq และคาดประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังประมาณ 4 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 1.9%
  • PTTEP (ปิด 124.5 ซื้อ/เป้า 146) ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงกว่า 10% ทำให้วันนี้มีโอกาสเกิดที่ราคาหุ้นของ PTTEP จะฟื้นตัว (Technical rebound) ตามราคาน้ำมัน

บทวิเคราะห์วันนี้

MINT (อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมาย), ANAN (ปิด 2.24 ปรับเป็นซื้อ/เป้าใหม่ 3 เดิม 3.1)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งแรงตอบรับกระแสข่าวพบยาต้านไวรัสโคโรน่า อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก WHO:  ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับทางบวกทันทีหลังมีกระแสข่าวนักวิทยาศาสตร์สามารถค้นพบยาต้านไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ได้แล้ว คือ 1) นักวิทยาศาสตร์จากจีนสามารถนำยา Abidol และ Darunavia ยับยั้งเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 2) นักวิทยาศาสตร์อังกฤษค้นพบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งสามารถร่นระยะเวลาพัฒนาจาก 2-3 ปี เหลือเพียง 14 วัน อย่างไรก็ตามการค้นพบทั้ง 2 ราย อยู่ในช่วงการทดลองรวมถึงผลกระทบข้างเคียงและต้องรอการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เรายังต้องรอติดตามการแพร่ระบาดต่อไปว่าจะเห็นสัญญาณของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงหรือไม่ (6 ก.พ.2020 จีนมีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิต 28,018 ราย และ 563 รายเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 3,694 รายและ 73 รายตามลำดับ)
  • (+) แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หนุนแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ แต่เป็นลบต่อกลุ่มธนาคาร: กนง.มีมติเป็นเอกฉันฑ์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1% ทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เป็น Sentiment บวกโดยรวมต่อการลงทุนในตลาดหุ้น เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่ม Non bank, กลุ่มไฟแนนซ์ อาทิ MTC SAWAD จากต้นทุนเงินทุนหรือเงินกู้ต่ำ (กู้ต่ำมาปล่อยแพง) เป็นบวกทางอ้อมกับกลุ่มอสังหาฯ AP, SPALI (ต้นทุนดอกเบี้ยของผู้ซื้อลดลง อย่างไรก็ดีกลุ่มนี้อาจจะเป็นบวกไม่มากเนื่องจากภาวะเช่นปัจจุบันผู้ซื้อจะให้น้ำหนักต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ความมั่นใจในหน้าที่การงานมาก่อนต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงก็ได้) และเป็นบวกกับหุ้นที่จ่ายปันผลสูง อาทิ ADVANC, INTUCH, LH, TISCO, KKP (ซื้อหุ้นปันผลดีกว่าฝากเงิน)กลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางตรงคือกลุ่ม ธนาคาร BBL, SCB, KBANK, KTB จากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง
  • (+/-) ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคำร้องร่าง พ.ร.บ.ปี 63 ในวันที่ 7 ก.พ.2020 (ศาลนัดตัดสินเร็วมองเป็นกลางถึงบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯและ นิคมฯ): เพราะการตัดสินที่ค่อนข้างรวดเร็วของศาลจะช่วยลดภาวะ Over hang ต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ รับเหมาและนิคมฯ ส่วนแนวทางการตัดสินเราแบ่งเป็น 1) Best case หรือแนวทางที่ดีที่สุดคือศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ชอบด้วยกฏหมาย เป็นบวกโดยตรงต่อตลาดหุ้นและ หุ้นที่เกี่ยวข้อง, 2) กรณี Base case ศาลพิจารณาตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ขัดรัฐธรรมนูญเฉพาะมาตรา (ผิดเฉพาะมาตราที่เสียบบัตรแทนกัน) เป็นลบช่วงสั้นแต่กลาง-ยาวกลับมาดีเพราะรู้ช่วงเวลาในการแก้ไขสถานการณ์ และ 3) Worst case หรือ กรณีเลวร้ายที่สุด คือศาลมีคำตัดสินว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีกระบวนการจัดทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ กรณีนี้รัฐบาลจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เป็นลบต่อตลาดหุ้น กลุ่มรับเหมาและนิคมฯ