‘แลนดี้โฮม’ ลุยเจาะเศรษฐีใหม่ วงการไอที-แพทย์-ค้าออนไลน์

‘แลนดี้โฮม’ ลุยเจาะเศรษฐีใหม่ วงการไอที-แพทย์-ค้าออนไลน์

‘แลนดี้ โฮม’ รุกเจาะตลาดบ้านหรูกรุงเทพฯ - ปริมณฑล หลังพบเศรษฐีรุ่นใหม่วงการไอที การแพทย์ ค้าออนไลน์ แห่จ้างสร้างบ้าน ทุ่มงบ 50 ล้านบาทอัดกิจกรรมตลาดครบวงจรหวังดันรายได้ 2,000 ล้านบาท

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลเซกเมนต์บ้านหรูที่มีระดับราคาตั้งแต่15 ล้านบาทขึ้นไปถึง 40 ล้านบาทเนื่องจากปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่เป็นเศรษฐีใหม่ที่เติบโตมาจากธุรกิจไอที การแพทย์ ขายสินค้าออนไลน์ เจ้าของโรงงาน ธุรกิจเอสเอ็มอีมีจำนวนเพิ่มขึ้น สังเกตได้จากปีที่ผ่านมายอดขายเซกเมนต์นี้สูงถึง200ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 20% ของรายได้รวมของบริษัทที่ 1,800 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้มีการทำตลาด แต่เกิดจากการบอกต่อปากต่อปากของลูกค้า ดังนั้นในปี 2563 จึงหันมาทำตลาดในเซกเมนต์นี้อย่างจริงจัง คาดว่า มียอดขายขยับ400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว

“ตลาดรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีที่ดิน และบางส่วนถึงเวลาที่ต้องทุบสร้างใหม่อย่างในโซนสุขุมวิท โดยพบว่าตลาดกลางระดับราคา 5-15 ล้านบาท และตลาดล่าง ระดับราคา 4-5 ล้านในกรุงเทพฯไม่เคยเติบโตเท่าที่ควร” นางสาวพรรัตน์ กล่าวและว่า

สำหรับตลาดต่างจังหวัดเซกเมนต์ที่เติบโตดีจะเป็นระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ ‘เทรนดี้ โฮม ’ (trendy Home) ดังนั้นบริษัทจึงปรับราคาลงมาเหลือ 2 ล้านบาทต้นๆจากเดิมราคา2 ล้านปลายๆต่อหลัง เพื่อรองรับกับกำลังซื้อของลูกค้า โดยจะปรับแบบบ้านให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้นจากเดิมเป็นแบบบ้านในกรุงเทพฯ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยจะเริ่มต้นในพื้นที่โชว์รูมของบริษัท อาทิ จังหวัดราชบุรี สระบุรี นครราชสีมา และมีแผนจะขยายต่อยอดไปในจังหวัดใกล้เคียงด้วย

นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทเตรียมงบ 50 ล้านบาทเพื่อจัดกิจกรรมการตลาด ในการออกบูธ นำเสนอเทคโนโลดิจิทัลเข้ามาทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจในแบบบ้านได้มากขึ้นผ่าน Vitual reality (VR)ที่จำลองภาพแบบบ้านเสมือนจริงให้กับลูกค้าดูแทนที่จะเป็นแค่โมเดลบ้านเหมือนในอดีต รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคแบรนด์ “แลนดี้ โฮม” เช่น การโฆษณาผ่านเพลงตามสถานีวิทยุ เพื่อให้ผู้บริโภครุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวจดจำแบรนด์ รวมถึงการออกแคมเปญกระตุ้นด้วยการเงินช่วยในการทุบและเช่าบ้านระหว่างการก่อสร้างเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าเป็นครั้งแรก

“ปีนี้บริษัท ยังเดินหน้าพัฒนาสินค้าทั้งแบบบ้านและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งตลาดระดับบนและระดับล่างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลรวมทั้งขยายไปสู่ต่างจังหวัดให้มากขึ้นรวมทั้งพัฒนาสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายรวมทั้งเพิ่มจำนวนพนักงานขายมากขึ้น”

สำหรับสัดส่วนรายได้ของแลนดี้โฮม ในปี 2563 แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพฯประมาณ 80% และต่างจังหวัด 20% โดยมาจากกลุ่มบ้านหลังเล็กระดับราคา 4-5 ล้านบาทประมาณ 50 % กลุ่มบ้านขนาดกลางระดับราคา 5 ถึง 15 ล้านบาทประมาณ 30% และกลุ่มบ้านหรู ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปประมาณ 20% คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 15% หรือมีรายได้ 2,000 ล้านบาท

นางสาวพรรัตน์ ยังกล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันจะมีปัจจัยลบทั้งจากตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงจากไวรัสโคโรนา สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวมาตั้งแต่ปี2562 แต่ประเมินว่ายังไม่กระทบตลาดรับสร้างบ้าน เนื่องจากบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย4 ที่ทุกคนให้ความสำคัญ ดังนั้นหากมีกำลังซื้อและความพร้อมทุกคนพร้อมลงทุนในการสร้างบ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาดรับสร้างบ้านยังคงเติบโต 

นอกจากนี้ จากพฤติกรรมของลูกค้าพบว่า มีความต้องการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทั้งไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง นวัตกรรมรวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการซื้อบ้านโครงการ หรือการซื้อคอนโดมิเนียม ส่วนต้นทุนค่าแรงกับวัสดุที่เพิ่มคิดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ2% นั้นไม่ได้กระทบต่อการบริหารจัดของบริษัทจึงไม่ได้ปรับราคาขึ้นแต่ถ้าจำเป็นต้องปรับราคาจะให้กระทบน้อยที่สุดและลูกค้าต้องได้สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวม 21,500 ล้านบาทเติบโต5%เเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าปี2563 จะเติบโต5-7% คิดเป็นมูลค่า13,000-13,500 ล้านบาทโดยบ้านตั้งแต่10 ล้านบาทขึ้นยังคงเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ส่วนตลาดราคาไม่เกิน2.5 ล้านบาทจะมีสัดส่วนตลาดน้อยแต่ยังคงเติบโตในตลาดต่างจังหวัด