นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม 'FIT' ทำไมถึงสำคัญกับการท่องเที่ยวไทย

นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม 'FIT' ทำไมถึงสำคัญกับการท่องเที่ยวไทย

วันนี้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย คงต้องมาทำความรู้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนแบบ FIT ให้มากขึ้น เพราะแนวโน้มกลุ่มนี้จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ตรงจุด และดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศ

เป้าหมายหลักที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ อาหาร โดยเฉพาะกลุ่มสตรีทฟู้ด นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางเป็นกลุ่มด้วยตัวเอง หรือเรียกสั้นๆ ว่า “FIT (Free and Independent Traveler)” เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องศึกษา ทำความรู้จักสำหรับผู้ประกอบการไทยทุกภาคส่วน เพราะนี่คือกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังเข้ามาในประเทศไทยมากที่สุด มาดูกันว่า มีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้างครับ

จริงอยู่ที่ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาใหญ่เรื่องนักท่องเที่ยวจีนลดลง จากหลายสาเหตุและได้สร้างความกังวลในภาคการท่องเที่ยวของไทย แต่ทั้งนี้ประเทศไทยกลับได้รับรางวัลจากนิตยสารการท่องเที่ยวของจีนให้เป็นประเทศเป้าหมายที่คนจีนนิยมมาสูงสุด ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่ม FIT มากขึ้น

กล่าวได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีน โดยสถิติในปี 2561 พบว่า นักท่องเที่ยวจีนที่มาพร้อมกับกรุ๊ปทัวร์อยู่มีสัดส่วนอยู่ที่ 44% ขณะที่สัดส่วนของนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาแบบอิสระ หรือ FIT มีสูงถึง 42% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีอยู่ราว 33% 

มีการคาดการณ์ว่าสัดส่วนของกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ FIT จะสูงถึง 50% ในปีถัดไป โดยนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวโดยมากแล้วมาจากหัวเมืองระดับ 1-2 มากที่สุด แต่ก็มีแนวโน้มว่า จำนวนของกลุ่มนี้จะขยายไปยังหัวเมืองระดับ 3 มากขึ้นในอนาคต

ข้อมูลจากบริษัท Ctrip ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของจีนระบุว่า คนจีนยังคงตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาวของคนจีน เช่น ในเดือน พ.ค. และต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามีคนจีนราว 150 ล้านคน เดินทางเข้าประเทศไทย

ที่ผ่านมาประเทศที่คนจีนเลือกเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และ อินโดนีเซีย ช่วงวันหยุดของคนจีน จึงเป็นอีกช่วงเวลาที่สถานที่ท่องเที่ยว และผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นโอกาสสำหรับการทำโปรโมชั่นด้วย

ข้อมูลที่น่าสนใจจาก CIW ระบุว่า หากย้อนหลังไปในปี 2561 จนถึงกลางปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนที่ออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกนั้นเป็นกลุ่มสาวจีนในช่วงอายุ 25-35 ปี ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และมีการจับจ่ายเงินออกไปมากที่สุดด้วย

หากเทียบจากสัดส่วนจากนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด สาวจีนช่วงอายุ 25-35 ปี มีอัตราส่วนราว 32% ของนักท่องเที่ยวจีนในต่างแดน และมีการสำรวจพบว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้อยู่ในระดับปานกลางถึงระดับบน ในแต่ละทริปมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งราว 6,000 หยวน

ขณะที่กลุ่มที่เคยมีกำลังซื้อสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 35-45 ปี ตกอันดับมาเป็นที่สอง และมีข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวจีนเพศหญิงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นราว 16% และเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ชายราว 14% หากเทียบจากปีก่อน

เรื่องของเป้าหมายภาพรวมของนักท่องเที่ยว จากการสำรวจของ Ctrip พบว่า การใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง และซื้อสินค้ากับบริการแบบหรูหรา หรือสินค้าประเภท Luxury มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้น สำหรับภาพรวมของนักท่องเที่ยวจีนจากทุกประเทศทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยเป้าหมายหลักที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ อาหาร โดยเฉพาะกลุ่มสตรีทฟู้ด ซึ่งมีชื่อเสียงมากสำหรับคนจีน ตามด้วยการเข้ามาหาเช่าพระเครื่อง ซื้อเครื่องสำอางราคาถูก ฯลฯ

นอกจากนี้ข้อมูลจาก Ctrip ยังมีการประเมินว่า นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มที่จะนิยมการท่องเที่ยวเพื่อธรรมชาติและชมสถานที่สำคัญมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวชมวัด ปราสาท โบราณสถาน ขณะที่สถานที่ธรรมชาติก็เป็นทางเลือกที่มาแรง เช่น ชมภูเขา แม่น้ำ รวมถึงการถ่ายภาพเซลฟี่ ซึ่งถือว่าเป็นความชื่นชอบของคนจีน นอกจากนี้ยังมีการท่องในแบบผจญภัยที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ระยะหลังมานี้เรื่องความปลอดภัย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวของคนจีนเพิ่มขึ้นด้วย

เป็นเรื่องใหม่ที่หลายฝ่ายอาจจะยังไม่ทราบว่า การจุดกระแสการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างแดนสำหรับคนจีน ได้รับอิทธิพลจากการรีวิวหรือภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ หรือบล็อกเกอร์มากขึ้นอย่างมาก 

ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองใหญ่เสมอไป แต่สามารถเป็น ร้านอาหารข้างทาง เมืองชั้นรอง ชนบท สถานที่ธรรมชาติ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัด โบราณสถาน ตามที่มีการรีวิวไว้ อีกทางหนึ่งมีข้อควรระวังคือ หากสถานที่ต่างๆ ไม่ได้สร้างความประทับใจในเชิงบวกให้ ก็อาจจะทำให้เกิดกระแสทางลบบนโลกโซเชียลได้เช่นกัน