หุ้น 'สายการบิน-โรงแรม' รับอานิสงส์แพ็กเกจรัฐ

หุ้น 'สายการบิน-โรงแรม' รับอานิสงส์แพ็กเกจรัฐ

การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” กำลังสร้างความตื่นตระหนกไปทั้งโลก หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตและจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ แทบทุกทวีปภายในเวลาแค่ 1 เดือน หลังพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ของจีน เมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของไวรัสอู่ฮั่นเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก หลังพบว่าสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ และสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศครั้งใหญ่

นอกจากผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยแล้ว ความเสียหายทางเศรษฐกิจกำลังตามมาติดๆ โดยเฉพาะจีนที่หลายหน่วยงานออกมาประเมินว่า การระบาดของไวรัสอู่ฮั่นทั่วประเทศจีนจะกระทบเศรษฐกิจ และกดดันจีดีพีปีนี้เติบโตไม่ถึง 6% เพราะขณะนี้หลายเมืองของจีนยังคงถูกปิดตาย ระบบคมนาคมขนส่งต้องหยุดให้บริการ เพื่อควบคุมคนเข้าออก

บริษัท ห้าง ร้าน จำนวนมากต้องหยุดกิจการชั่วคราว ขณะที่การอุปโภคบริโภคในประเทศชะลอตัวตามไปด้วย เพราะคนไม่กล้าออกไปใช้จ่าย แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจจีนติดไวรัส ย่อมส่งผลกระทบไปทั้งโลก เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ส่วนไทยในฐานะที่เป็นคู่ค้าสำคัญและพึ่งพาเศรษฐกิจจีนในหลายมิติย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่โดนก่อนเลยคือ “ภาคการท่องเที่ยว” เพราะจีนเป็นชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยราวๆ 11 ล้านคน หรือ เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1 ล้านคน และใช้จ่ายต่อหัวราว 50,000 บาท เท่ากับว่าไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน 5 หมื่นล้านบาทต่อเดือน

แต่ทันทีที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามบริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวออกนอกประเทศ กระทบการท่องเที่ยวบ้านเราไปเต็มๆ อย่างธุรกิจโรงแรมที่ขณะนี้ถูกยกเลิกการจองห้องพักจากกรุ๊ปทัวร์จีนทั้งหมด ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองก็ลดลงอย่างน่าตกใจ สะเทือนไปถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ทั้งร้านอาหาร บริษัททัวร์ ไกด์นำเที่ยว รถเช่า ฯลฯ

จนบรรดาผู้ประกอบการต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งตัวไม่ทัน เมื่อรายรับไม่มีเข้ามา แต่รายจ่ายยังต้องควักออกตามปกติ ไหนจะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าดอกเบี้ยแบงก์ ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ

จึงเป็นที่มาให้การประชุม ครม. ล่าสุด ไฟเขียวจัดแพ็กเกจช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวเพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัสอู่ฮั่น แบ่งเป็นมาตรการด้านภาษี 4 มาตรการ ได้แก่ 1. การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน สำหรับเที่ยวบินในประเทศ จากเดิม 4.762 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร ไปถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563

ดูแล้วคงเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่อยากให้คนไทยออกมาท่องเที่ยวในประเทศ ทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป เพราะเมื่อลดภาษีน้ำมันเครื่องบินซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักของผู้ประกอบการแล้ว น่าจะทำให้สายการบินต่างๆ ออกโปรโมชั่นหั่นราคาค่าตั๋วเพื่อเรียกลูกค้า

กลุ่มนี้รายที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดน่าจะเป็น “ไทยแอร์เอเชีย” ของ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เพราะมีสัดส่วนเที่ยวบินในประเทศค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับสายการบิน อื่นๆ โดยบล.เคจีไอ ประเมินว่า มาตรการที่ออกมาจะช่วย AAV ประหยัดค่าใช้จ่ายภาษีปีนี้ไปได้ 948 ล้านบาท, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ประหยัดไป 464 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการลุ้นพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI คาดว่าค่าใช้จ่ายภาษีจะลดลง 367 ล้านบาท

ส่วนมาตรการที่ 2. และ 3. คือ การนำค่าใช้จ่ายในการจัดอบรม ประชุม สัมมนาในประเทศ มาขอลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และ นำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงที่พัก โรงแรม มาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ถือเป็นมาตรการที่กระตุ้นตรงไปที่กลุ่มโรงแรม เพราะสนับสนุนให้บริษัทห้างร้านต่างๆ มาจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่

ขณะที่ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากการปรับปรุงห้องพัก อุปกรณ์ตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ หุ้นเด่นในกลุ่มนี้หลายโบรกฯ ยกให้บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งมีโรงแรมเจาะตลาดทุกเซกเมนต์ และ 4. ขยายเวลายื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากภายใน มี.ค. 2563 เป็นภายใน มิ.ย. 2563 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่กำลังประสบปัญหา โดยยืดเวลาจ่ายภาษีไปให้อีก 3 เดือน หนุนบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศดีขึ้นในช่วงสั้นๆ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางการเงินด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านแบงก์รัฐอีกกว่า 1.23 แสนล้านบาท ช่วยเสริมสภาพคล่องในช่วงเวลาที่รายได้ลดลง