มหากาพย์ 'ไวรัสโคโรน่า' ศึกศักดิ์ศรี 'สหรัฐ-จีน'

มหากาพย์ 'ไวรัสโคโรน่า' ศึกศักดิ์ศรี 'สหรัฐ-จีน'

คนเราถ้าจะขัดแย้งกันแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ขัดแย้งกันได้ตลอด ดูอย่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก อย่างสหรัฐ-จีน ที่ทำสงครามการค้ากันมาร่วม 2 ปี ตอนนี้ลงนามข้อตกลงเฟส 1 ไปแล้ว แต่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่ามาขโมยซีน สุดท้ายยังมาขัดแย้งกันในเรื่องนี้จนได้

สืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ (31 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น รัฐบาลวอชิงตันประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข พร้อมห้ามคนต่างชาติที่เดินทางไปจีนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรโนา ส่วนพลเมืองอเมริกันที่กลับจากมณฑลหูเป่ย์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดจะต้องถูกกักตัว 14 วันเมื่อกลับมาสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า สหรัฐปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดปกป้องพลเมืองอเมริกันให้พ้นจากภัยคุกคามของไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

“เราเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ปิดประตูซะ” ผู้นำสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์

ความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาระบาดทำให้สหรัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และห้ามคนต่างชาติที่เพิ่งไปจีนเข้าประเทศ คำสั่งใหม่นี้มีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 17.00 น. วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น พลเมืองสหรัฐที่เคยเดินทางไปจีนภายใน 14 วัน จะต้องถูกส่งไปสนามบิน 1 ใน 8 แห่งที่กำหนดให้เป็นสถานที่คัดกรอง โดยจะประกาศเพิ่มอีก 3 แห่งในวันจันทร์

158077712782

“เราคงไม่สามารถปล่อยให้คนเป็นพันๆ ที่มีปัญหาไวรัสโคโรนาเข้ามาได้” ทรัมป์กล่าวและว่า ทางการสหรัฐเสนอความช่วยเหลือขนานใหญ่ให้จีนแก้ปัญหาการระบาด

ด้านโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ในรายการ

“Face the Nation” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า จีนเปิดกว้างมากขึ้นกว่าตอนที่เคยเกิดวิกฤติครั้งก่อนๆ

“ถึงตอนนี้จีนโปร่งใสมากกว่าเมื่อครั้งเกิดวิกฤติในอดีต ซึ่งเราชื่นชมมาก” โอไบรอันกล่าว แต่ไม่วายเตือนว่าถึงตอนนี้จีนก็ยังไม่ยอมรับความช่วยเหลือที่สหรัฐเสนอให้ ไม่ว่าจะเป็นจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หรือเจ้าหน้าที่แพทย์อื่นๆ

“เรามีผู้เชี่ยวชาญมากมายมหาศาล นี่เป็นเรื่องที่ทั่วโลกกังวล เราอยากช่วยจีนถ้าเราทำได้ และได้เสนอไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่เราว่าเขาจะรับข้อเสนอหรือไม่”

ด้าน หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงวานนี้ (3 ก.พ.) ว่า สหรัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือสำคัญใดๆ เลย ทำอย่างเดียวคือ “สร้างความตื่นตระหนก”

ขณะที่เจนส์ สแปนห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวหลังหารือกับอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐว่ากลุ่มประเทศจี7 ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ได้แก่แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐก็พยายามผนึกกำลังรับมือไวรัสโคโรนา โดยจะจัดประชุมร่วมกัน

อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!

ในวันเดียวกันนั้นไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่อยู่ระหว่างเยือนคาซัคสถาน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า จีนไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่ซีดีซีเข้าไปในจีน แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ซีดีซีอยู่ในคาซัคสถาน ประเทศเพื่อนบ้านของจีน เพื่อช่วยเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัส

“คุณมีพรมแดนยาวเหยียดติดกับจีนต้นกำเนิดโรค แต่เจ้าหน้าที่จากซีดีซีอยู่ที่นี่แล้ว เพื่อช่วยคาซัคสถานแก้ปัญหาไม่ให้โรคแพร่ระบาดใหญ่โต” ปอมเปโอกล่าวกับผู้สื่อข่าวคาซัคสถาน

เมื่อวันอาทิตย์ สหรัฐยืนยันผู้ติดเชื้อรายที่ 9 ในซานตาคลารา เขตอ่าวซานฟรานซิสโก ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วต้องถูกกักตัวนั้น กระทรวงกลาโหมจะเป็นผู้จัดหาสถานที่ให้

ทั้งนี้ ชาวอเมริกันที่ไปมณฑลหูเป่ย์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดจะต้องถูกบังคับกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไวรัสฟักตัว ก่อนเข้าสหรัฐได้ ส่วนชาวอเมริกันที่เคยไปพื้นที่อื่นของจีนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคก่อนและขอให้อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนเป็นเวลา 14 วัน

ชาด โวลฟ์ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ เผยว่า ความเสี่ยงโดยรวมต่อประชชนอเมริกันยังคงอยู่ในระดับต่ำ

158077711352

ส่วนที่ยังมีปัญหาคาใจกันอยู่แต่เกิดไวรัสโคโรนามาแทรกเสียก่อนคือฮ่องกง วานนี้ เจ้าหน้าที่แพทย์ฮ่องกงหลายร้อยคนผละงาน เรียกร้องให้ปิดพรมแดนจีนเพื่อลดการแพร่ระบาด โดยฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว 15 คน หลายคนมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ผู้บริหารฮ่องกงที่สนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งยังไม่ยอมปิดพรมแดนจีนทั้งหมด

ทางการฮ่องกงให้เหตุผลว่า ทำเช่นนั้นจะเป็นการเลือกปฏิบัติ เศรษฐกิจเสียหาย และฝ่าฝืนคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) รัฐบาลฮ่องกงเลือกปิดด่านเพิ่มที่จำนวนนักเดินทางลดลงราว 50% ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่สาธารณชนก็ยังไม่หายข้องใจ เพราะไม่ไว้ใจจีนมาตั้งแต่สมัยซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ที่ตอนแรกรัฐบาลปักกิ่งปิดข่าว จนชาวฮ่องกงเสียชีวิตไปเกือบ 300 คน

เมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) “พันธมิตรพนักงานองค์การโรงพยาบาล” สมาชิกสหภาพแรงงานเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ จำนวนหลายพันคนลงมติประท้วงจนกว่าทางการจะยอมปิดพรมแดนจีน สมาชิกกลุ่มแรกซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่หลักเริ่มผละงานในวันจันทร์ ถ้าข้อเรียกร้องยังไม่ได้รับการตอบสนองแพทย์และพยาบาลจะเริ่มผละงานประท้วงในวันนี้ (4 ก.พ.)

158077713748

บรรยากาศเมื่อช่วงเช้าวานนี้ เจ้าหน้าที่การแพทย์รวมตัวกันนอกโรงพยาบาลทั่วฮ่องกง ส่งริบบิ้นขาวให้เพื่อนๆ เรียกร้องให้มาประท้วงด้วยกัน

“ถ้าไม่ปิดพรมแดนทั้งหมด เราจะไม่มีบุคลากร อุปกรณ์ป้องกัน หรือห้องคัดแยกมากพอรับมือกับการระบาด” วินนี อู๋ ประธานพันธมิตรพนักงานองค์การโรงพยาบาล ที่มีสมาชิก9,000 คนกล่าว กลุ่มพันธมิตรนัดหารือกับรัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) แต่การเจรจาล่ม นางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง