กกร.เล็งจำกัดส่งออก 'หน้ากากอนามัย'

กกร.เล็งจำกัดส่งออก 'หน้ากากอนามัย'

กกร.ชง ครม. (4 ก.พ.) ไฟเขียว กำหนดหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม เข้มมาตรการแจ้งต้นทุน ราคาจำหน่าย คุมส่งออกเกิน 500 ชิ้นต้องขออนุญาต

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้หน้ากากอนามัย วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือที่ไม่มีส่วนผสมของอัลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เป็นสินค้าควบคุม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 4 ก.พ.นี้ เห็นชอบต่อไป ซึ่งหากอนุมัติแล้วจะออกประกาศ กกร. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที และจะส่งผลให้สินค้าควบคุมตามกฏหมาย เพิ่มขึ้นจาก 52 รายการเป็น 54 รายการ

อ่านข่าว-กกร.ไฟเขียวหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้า

158072736327

โดยหลังจากกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม ในส่วนของหน้ากากอนามัย ภาครัฐจะสามารถกำหนดให้ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย ผู้ส่งออก แจ้งต้นทุน ราคาซื้อขาย จำนวนสต๊อก ปริมาณการผลิตปริมาณการส่งออก นำเข้า และสามารถกำหนดให้ตัวแทนจำหน่ายกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนได้ รวมทั้งสามารถกำหนดราคาซื้อขายปลีกได้ กำหนดให้ปิดราคาจำหน่ายที่ชัดเจน ในกรณีการส่งออกหากมีการส่งออกหน้ากากอนามัยเกิน 500 ชิ้น จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน ซึ่งกรมฯจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป เพื่อให้มีปริมาณใช้อย่างเพียงพอในประเทศ

ส่วนเจลล้างมือ จะยังใช้มาตรการเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้จำกัดเรื่องการส่งออก เพราะสินค้ายังมีปริมาณการผลิตเพียงพอกับความต้องการใช้เมื่อเทียบกับหน้ากากอนามัย

158072739333

นอกจากนี้ การจำกัดปริมาณการซื้อของประชาชนทั่วนั้น เบื้องต้น อาจกำหนดให้ซื้อได้ไม่เกิน 10 ชิ้นต่อคนต่อครั้ง หรือถ้าหากมีนักท่องเที่ยวเหมาซื้อหน้ากากอามัยหรือเจลล้างมือออกนอกประเทศปริมาณมาก ๆ ก็จะได้ประสานกับศุลกากรให้เข้มงวดกับการตรวจสอบมากขึ้น รวมทั้งประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ให้ดูแลในเรื่องของคุณภาพของสินค้ามากขึ้นด้วย โดยมาตรการเหล่านี้ จะเป็นมาตรการระยะสั้น จะใช้เท่าที่จำเป็น และเมื่อผลสภาวะไม่ปกติไปแล้ว ก็จะยกเลิกโดยเร็ว

ทั้งนี้ ยังตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของไวรัสโคโรน่าอย่างใกล้ชิดเฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อแก้ปัญหาสินค้าต่างๆที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการและราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค