จีนระแวงกันเอง-ชุมชนตั้งเงินรางวัลล่าคนกลับจากอู่ฮั่น

จีนระแวงกันเอง-ชุมชนตั้งเงินรางวัลล่าคนกลับจากอู่ฮั่น

ชุมชนหลายแห่งในจีนประกาศตั้งเงินรางวัล รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่เคาะประตูบ้านและสอบถามชาวบ้านว่ามีคนพยายามเข้ามาในชุมชนหรือไม่ นี่ไม่ใช่การตามล่าอาชญากร แต่เป็นผู้ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

มาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความรู้สึกของชาวจีนที่กำลังตื่นตระหนกและหวาดระแวงแม้แต่เพื่อนร่วมชาติเดียวกัน ในขณะที่ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน

เทศกาลตรุษจีนที่จะสิ้นสุดลงในสุดสัปดาห์นี้ ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า ไวรัสโคโรน่าอาจจะแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ด้วยเหตุที่ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวหรือรวมญาติกันทั่วประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บางชุมชนในกรุงปักกิ่งมีการนำสิ่งของมาทำเป็นแบร์ริเออร์ปิดกั้นทางเข้า และบังคับให้ผู้ที่กลับจากท่องเที่ยวช่วงวันหยุดแจ้งประวัติการเดินทาง

ส่วนที่เมืองฉือเจียจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์ ทางเหนือของจีน (คนละมณฑลกับหูเป่ย์) มีการตั้งเงินรางวัล 2,000 หยวน (ราว 8,864 บาท) สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสบุคคลที่เคยเดินทางไปอู่ฮั่นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ชุมชนจีนบางแห่งถึงขั้น “ไม่ต้อนรับ” เพื่อนบ้านที่เพิ่งไปเยือนมณฑลหูเป่ย์ เพราะกลัวจะนำไวรัสกลับมาแพร่

“ต่อให้คุณอาศัยอยู่ที่นี่ก็เข้าไม่ได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชุมชนแห่งหนึ่งในปักกิ่งเผยกับเอเอฟพี “คนที่มาจากหูเป่ย์อาจนำเชื้อโรคกลับมาติดคนที่นี่ ถ้าคุณมาจากหูเป่ย์จะต้องไปแจ้งคณะกรรมการชุมชนก่อน”

หญิงสาวแซ่ เหมย ในกรุงปักกิ่งยอมรับว่า ตัวเธอเองก็รู้สึกกังวล และเผยว่า “ถ้าเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าและลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย ฉันจะบอกให้พวกเขาไปลงทะเบียน”

รัฐบาลจีนสั่งระงับการขนส่งสาธารณะจากเมืองอู่ฮั่น ห้ามกรุ๊ปทัวร์จีนไปต่างประเทศ ยกเลิกเส้นทางเดินรถระยะไกล และสั่งหยุดเดินรถไฟหลายพันเที่ยว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นับถึงวันจันทร์ (3 ก.พ.) มีผู้ป่วยในจีนเสียชีวิตแล้วกว่า 360 คน และพบผู้ติดเชื้อกว่า 17,000 คนทั่วประเทศ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ 11,177 คน รวมถึงผู้เสียชีวิต 56 คน ล้วนอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ ขณะที่ปักกิ่งมีรายงานผู้ป่วยไวรัสโคโรน่าแล้วทั้งสิ้น 191 คน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) เรียกร้องให้หมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศตรวจสอบว่าคนในชุมชนเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง โดยไม่ให้เหลือเล็ดลอดแม้แต่แห่งเดียว

ในขณะที่บางชุมชนห้ามไม่ให้ผู้ที่เดินทางจากหูเป่ย์ผ่านเข้ามาในย่านที่พวกเขาอยู่ บางแห่งก็ยังอนุญาตให้กลับเข้ามาได้ เพียงแต่ต้องเฝ้าระวังอาการป่วยอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 2 สัปดาห์

ซู อ้ายหมิน เลขาธิการชุมชนแห่งหนึ่งในปักกิ่ง ระบุว่า คนในชุมชนที่กลับมาจากหูเป่ย์จะต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน หากจำเป็นต้องซื้ออาหารให้แจ้งคณะกรรมการชุมชนซึ่งจะเป็นผู้จัดหามาให้ และระหว่างช่วงกักโรคจะมีการโทรศัพท์ไปสอบถามและบันทึกอุณหภูมิร่างกายเป็นประจำทุกวัน

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ซึ่งมีต้นกำเนิดจากตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของจีน แม้จะมีมาตรการปิดเมืองต่าง ๆ ในหูเป่ย์แล้วก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในการยับยั้งการระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว

นอกจากนี้ ทางการจีนยังสั่งปิดเมืองเหวินโจว เมืองชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งมีประชากรราว 9 ล้านคน และอยู่ห่างจากอู่ฮั่นกว่า 800 กิโลเมตร หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสแล้วหลายร้อยคน

แต่การสั่งปิดชุมชนไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าน่าจะสร้างความไม่พอใจต่อผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งเตือนบรรดาผู้นำชุมชนว่า “ไม่มีสิทธิ์” ห้ามคนเดินทางกลับเข้าภูมิลำเนา ตราบใดที่พวกเขาผ่านการตรวจยืนยันแล้วว่าปลอดไข้

อย่างไรก็ตาม คำเตือนจากรัฐบาลกลางไม่ได้ช่วยให้กระแสหวาดกลัวติดเชื้อไวรัสจากคนเดินทางลดลง

กู่ ไห่หรง หญิงสาววัย 24 ปีซึ่งเดินทางจากเมืองเฉิงตู กลับไปทำงานที่กรุงปักกิ่งให้สัมภาษณ์วานนี้ (2 ก.พ.) ว่า เธอถูกคนในชุมชนกีดกันไม่ให้เข้าที่พักจนต้องมาเตร็ดเตร่อยู่ที่สถานีรถไฟปักกิ่งตะวันตก และเตรียมจะซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้านเกิด หากไม่สามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้

ผู้ใช้รายหนึ่งใน “เว่ยโป๋” ไมโครบล็อกยอดนิยมหรือทวิตเตอร์เวอร์ชั่นจีน โพสต์เตือนว่า “พวกคุณมองอู่ฮั่นอย่างไร ชาวโลกก็จะมองจีนอย่างนั้น” ขณะที่ ลูซี หวง นักผลิตสารคดีในกรุงปักกิ่งเผยว่า ตั้งแต่ไวรัสเริ่มแพร่ระบาดใหม่ ๆ ก็เริ่มมีผู้ใช้เว่ยโป๋โพสต์ข้อความแสดงความรังเกียจชาวมณฑลหูเป่ย์และเมืองอู่ฮั่น

“ในฐานะที่เป็นคนอู่ฮั่นโดยกำเนิด ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก” หวง วัย 24 ปี เผยกับเอเอฟพี “ฉันผิดหวังที่คนเราไม่เห็นอกเห็นใจกันเลย”

แม้จะเข้าใจว่ามาตรการเฝ้าระวังต่าง ๆ คือสิ่งจำเป็น แต่หวงก็ย้ำเตือนสังคมว่า “ศัตรูตัวจริงคือเชื้อไวรัส ไม่ใช่พลเมืองหูเป่ย์หรือชาวอู่ฮั่นแต่อย่างใด”