กลยุทธ์"การลงทุน" (3 ก.พ. 63)

กลยุทธ์"การลงทุน" (3 ก.พ. 63)

พอร์ตหุ้นแนะนำ ก.พ. - จัดพอร์ตรับความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะลงต่อ

พอร์ตหุ้นเดือนมกราคมร่วงแรงถึง 12% เนื่องจาก Coronavirus ฉุดหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

ในเดือนมกรคม ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจากการระบาดของ Coronavirus ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น และหุ้นเด่นที่เราเลือกไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น cyclical หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น และโรงแรม โดย SPRC*, ESSO* และ ERW* ลดลงถึง 21.4%, 21.9% และ 27.3% ตามลำดับและฉุดให้พอร์ตหุ้นของเราติดลบหนัก ในขณะที่หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยก็ถูกกดดันจากแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแอ ซึ่งไปหักล้างผลบวกจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายเกณฑ์ Loan-to-Value และเงื่อนไขการวางเงินดาวน์ ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพอร์ตหุ้นของเราในเดือนมกราคมลดลง 11.7% แย่กว่าดัชนี SET ที่ลดลง 4.0%

มุมมองตลาดเดือนกุมภาพันธ์: ปัจจัยลบทางด้านมหภาคจะฉุดให้ตลาดลงต่อ แต่ downside น่าจะจำกัด

เราพลิกมุมมองมาเป็นระมัดระวังมากขึ้นกับแนวโน้มดัชนี SET ในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเราคาดว่ากระแสเงินทุนน่าจะยังคงไหลออกเนื่องจาก i) ปัจจับลบด้านมหภาคจากผลกระทบของ Coronavirus ต่อภาคท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง ii) มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงหลังช่วงประกาศงบ 4Q62 และ iii) เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกจากรายได้ภาคท่องเที่ยวที่ลดลง และดุลบัญชีเดินสะพัดที่อ่อนแอลง และมีโอกาสมากขึ้นที่ กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับปัจจุบันที่ 1.25% แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าความเสี่ยงทางลงของดัชนี SET น่าจะจำกัด เพราะถึงแม้ว่าเราจะใช้สมมติฐานว่ามีการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2563 ลงจากระดับปัจจุบันอีก 5% แต่ earnings yield gap (EYG) ที่ระดับดัชนี SET แถว 1,500 จุดก็ยังคงสูงถึง 5.0% ซึ่งจากข้อมูลในอดีตชี้ว่าเป็นระดับสำคัญที่ตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์ได้ ดังนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ เราจึงแนะนำ กลยุทธ์ซื้อสะสมเมื่อตลาดหุ้นย่อลงต่อ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ตามประเด็นข่าวของ Coronavirus ในโลกที่ยังเป็นลบ

หุ้นเด่นเดือนกุมภาพันธ์: เตรียมรับโหมดที่ตลาดการเงินมีความเสี่ยงสูง (risk-off) ต่อเนื่อง

เรามองว่าตลาดหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์จะยังปรับลงต่อเนื่องเพราะผลกระทบจาก Coronavirus บวกกับความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนลง และกระแสเงินทุนไหลออก ดังนั้น เราจึงยังคงเน้นหุ้นขนาดกลางและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยกลุ่มแรก เราแนะนำหุ้นส่งออกที่จะได้อานิสงส์จากบาทอ่อน อย่างเช่น CPF*, HANA* และ TU* ถัดมาคือหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ อย่างเช่น CK* และ STEC* เนื่องจากเรามองว่าพรบ. งบประมาณปี 2563 น่าจะเกิดความชัดเจนในแง่กฎหมายในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาวะเศรษฐกิจถูกกดดันจากประเด็นการระบาดของ Coronavirus อย่างที่เป็นอยู่ กลุ่มที่สามที่เราเลือกคือหุ้นปันผลอย่างเช่น TISCO* ซึ่งมีความเสี่ยงด้านผลประกอบการต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นธนาคารใหญ่ถ้าหาก กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีกในระยะต่อไป สำหรับหุ้นตัวหลักๆ นั้น เราเน้นเพียงหุ้นกลุ่มที่ valuation ปรับลงมามากในช่วงที่ผ่านมา เช่นหุ้นธนาคารอย่าง KBANK* รวมทั้งหุ้น AOT* ซึ่งราคาหุ้นปรับลงรับรู้แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อ่อนแอลงเช่นกัน ขณะที่ผลกระทบต่อพื้นฐานบริษัทมีน้อยกว่าหุ้นสายการบินและหุ้นโรงแรม