เมื่อมังกรจีน 'ติดหวัด' ศก.ไทยกำลังป่วยตาม

เมื่อมังกรจีน 'ติดหวัด' ศก.ไทยกำลังป่วยตาม

ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับไวรัสโคโรน่า ที่คร่าชีวิตและมีผู้ติดเชื้อนับหมื่นคน จนต้องปิดเมือง คงต้องติดตามหลังจากนี้หากจีนสามารถแห้ปัญหานี้ได้แล้ว จะรับมือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาไวรัสนี้ได้อย่างไร เพราะแน่นอนว่าต้องกระทบกับหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย

ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า โอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวสูงกว่าระดับ 2.5-3% เป็นไปได้น้อยมาก แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจาก "สงครามการค้า" ระหว่าง "สหรัฐ" กับ "จีน" ซึ่งคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ใน "เฟสแรก" และกำลังเข้าสู่การเจรจาในเฟสสอง แต่ปัจจัยบวกเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเลย หลังจากที่ "จีน" กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเวลานี้กำลังแพร่ลุกลามไปทั่วประเทศจีน และยังลามไปสู่ประเทศอื่นอีกในหลายๆ ประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ กำลังสร้าง "ช็อก" ที่รุนแรงกับเศรษฐกิจไทย โดยหลายสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจประเมินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย "หล่นหาย" ไปถึง 1% จากภาคการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด คำสั่งปิดเมืองของรัฐบาลจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยโดยตรง

สัปดาห์ก่อนรัฐบาลจีนมีคำสั่งปิดเมืองที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในหลายๆ เมือง พร้อมกับสั่งห้ามบริษัททัวร์หยุดการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรมต่างๆ ทำให้ "กรุ๊ปทัวร์" ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งกรุ๊ปทัวร์จีนที่มาไทยมีสัดส่วนราว 40-50% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ประเมินกันว่าในช่วง 1-3 เดือนหลังจากนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนน่าจะหายไปราวๆ 80-90% และทั้งปีตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยรวมๆ น่าจะหายไปราว 3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายราวๆ 1.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ประมาณ 1%

ตัวเลขประมาณการของสำนักวิจัยต่างๆ ที่ออกมาในเวลานี้ ยังอยู่บนสมมติฐานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะจบลงภายใน 3 เดือนนับจากนี้ แต่หาก 3 เดือนข้างหน้า ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ มีการประเมินกันว่า จะเริ่มลามไปสู่ "ภาคการผลิต" และ "การส่งออก" ของไทยในท้ายที่สุด เพราะจีนถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญของโลก ขณะที่ไทยเป็นแหล่งซัพพลายเชนหลักของจีน เมื่อแหล่งผลิตสำคัญชะงัก ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศซัพพลายเชนหลักเช่นไทยด้วย

สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ "จีน" จะรับมือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาไวรัสนี้ได้อย่างไร เพราะถ้าเศรษฐกิจจีนทรุดหนัก ไม่เพียงการท่องเที่ยวของไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังสะเทือนถึงภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย เพราะ "กำลังซื้อ" ชาวจีนคงหายไปไม่น้อย ผลกระทบที่เห็นชัดๆ คงผ่านทางภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานักลงทุนจีนถือเป็นหนึ่งกลุ่มหลักที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังอาจสะเทือนถึงภาคการส่งออกด้วย เพราะสินค้าไทยที่ส่งออกไปจีนมีสัดส่วนราว 10% ของการส่งออกทั้งหมด ...ดูแล้วไวรัสที่ระบาดหนักในจีน กำลังทำเศรษฐกิจไทยป่วยตามไปด้วย ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมแผนรับมืออย่างจริงจัง