'ภาคประชาชน'ปัจจัยหนุนสัมพันธ์'จีน-ญี่ปุ่น'

'ภาคประชาชน'ปัจจัยหนุนสัมพันธ์'จีน-ญี่ปุ่น'

ภาคประชาชน ปัจจัยหนุนสัมพันธ์'จีน-ญี่ปุ่น' ขณะที่สองประเทศยังมีปัญหาความไม่สมดุลด้านการท่องเที่ยว โดยชาวญี่ปุ่นเที่ยวจีนน้อยมากเมื่อเทียบกับชาวจีนเที่ยวญี่ปุ่น

ปี2563 ถือเป็นปีสำคัญสำหรับความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเตรียมเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ซึ่งในการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนและชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะลงนามเอกสารทางการเมืองฉบับใหม่ร่วมกันในกรุงโตเกียวเพื่อนิยามความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ความรู้สึกของชาวจีนที่มีต่อประเทศญี่ปุ่นก็ดีขึ้นแต่บรรยากาศการเยือนญี่ปุ่นของประธานาธิบดีสี อาจจะถูกบดบังจากปัญหาความตึงเครียดในทะเลจีนตะวันออก และประเด็นปัญหาอื่นๆ รวมทั้ง ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน ที่เพิ่มความซับซ้อนให้แก่ความสัมพันธ์สองประเทศมากขึ้น อย่างน้อยก็ในระยะสั้น ส่วนระยะยาว ถ้าจีนและญี่ปุ่นต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่น ทั้ง2ฝ่ายจำเป็นต้องส่งเสริมความเข้าใจในระดับประชาชนต่อประชาชน

เมื่อประธานาธิบดีสี และหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับอาเบะนั้น บ่อยครั้งที่มีการพูดถึงจำนวนชาวจีนและชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในสองประเทศนี้และเห็นว่าเป็นจำนวนที่ไม่สมดุล โดยชาวจีนเข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า และเพิ่มขึ้นเรื่อย โดยนับตั้งแต่ปี 2557 ชาวจีนเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสามเท่าครึ่งในช่วงปี 2557 และ2561

158060208492

ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่น มีต้นเหตุมาจากการอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก พร้อมทั้งเรียก“เกาะเซนกากุ”นี้เป็นภาษาจีนว่าเกาะ“เตี้ยวหยู”เมื่อปลายปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า ชินสึเกะ ซึกิยามะ รมช.กระทรวงการต่างประเทศ และเคนจิ คานาซึงิ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการเอเชียและโอเชียเนีย ได้เชิญ“เฉิง หย่งหัว” เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโตเกียว เข้าพบเพื่อหารือและแสดงความกังวล หลังจากเรือฟริเกตลำหนึ่งของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) ล่องเข้ามาใกล้กับหมู่เกาะพิพาทระหว่างสองประเทศ

แต่หลังจากอาเบะไปเยือนจีนและหารือกับประธานาธิบดีสี เมื่อปี2557 ความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศก็ดีขึ้น แต่ก็ไม่ช่วยกระตุ้นให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปเที่ยวจีนมากขึ้น ทำให้ความไม่สมดุลด้านการท่องเที่ยวของ2ประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่องว่างในเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะความรู้สึกในใจที่แต่ละประเทศมีต่อกันเป็นหลัก

เจนรอน เอ็นพีโอ องค์กรไม่แสวงผลกำไรของญี่ปุ่น ได้จัดทำโพลล์สำรวจความเห็นประจำปีในญี่ปุ่นและในจีนตั้งแต่ปี 2548 เพื่อประเมินความรู้สึกของประชาชนของประเทศนี้ และผลสำรวจล่าสุดที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ว่า สักส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนที่รู้สึกประทับใจประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากอยู่ที่ 45.9% หลังจากแตะระดับต่ำสุดคือ5.2% เมื่อปี 2556

สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับสัดส่วนของชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบจีนมีแค่เพียง 15% ในปี 2562 แม้ตัวเลขนี้จะถือว่าปรับตัวดีขึ้นมากจากตัวเลขต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.8% ในปี 2557 สะท้อนว่าชาวญี่ปุ่นยังคงมีความรู้สึกเย็นชากับเพื่อนบ้านอย่างจีน

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีน ไม่ได้หวานชื่นแต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่หลายๆคนกลัว เพราะระหว่างที่ชาวต่างชาติติดอยู่กับสภาพความยากลำบากหลังไวรัสโคโรนาระบาดหนักในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ของจีนนั้น เชื่อว่าทุกรัฐบาลต่างหาหนทางนำพลเมืองของตนออกมา และปรากฏว่า ญี่ปุ่น เป็นประเทศแรกที่นำพลเมืองของตนถึงมาตุภูมิในช่วงเช้าของวันที่ 29 ม.ค.

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ถ้ามองจากภาพรวมเอเชียตะวันออก จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้เคยเจ็บปวดจากประวัติศาสตร์บาดแผลช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นยึดครองเพื่อนบ้านเป็นอาณานิคม เมื่อวันเวลาผ่านไปความขัดแย้งสลายกลายเป็นความร่วมมือ แม้ความสัมพันธ์สามเส้ายังคงมีเรื่องระหองระแหงกันอยู่เล็กๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจ

ล่าสุดผู้นำ 3 ชาติประชุมสุดยอดกันเมื่อวันที่ 24-25 ธ.ค.ปีที่แล้ว ที่นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ทั้งประธานาธิบดีสี ของจีน และนายกรัฐมนตรีอาเบะ ของญี่ปุ่นต่างหารือทวิภาคีกันนอกรอบการประชุม และสี ก็กล่าวว่า ยินดีที่จะรักษาการสืื่อสารกับญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมเสริมสร้างการให้แนวทางทางการเมือง เพื่อสนับสนุนความสัมพันธ์ของสองประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับสูงขึ้น รวมทั้งสร้างผลประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้นด้วย

158060207251

อาเบะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นและจีนดำเนินการแลกเปลี่ยนระดับสูงกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ ที่สำคัญคือญี่ปุ่นรอคอยโอกาสที่ประธานาธิบดีสี จะเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในฤดูใบไม้ผลิปีนี้อย่างใจจดใจจ่อ

การประชุมเมื่อปลายปีที่แล้วเน้นเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข ทั้ง 3 ประเทศได้ทบทวนบทเรียนการการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและอีโบลา พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนข้อมูลในยามวิกฤต รวมทั้งการเฝ้าระวังภัยจากโรคระบาดต่างๆ

แหล่งข่าววงในกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ตั้งแต่เกิดกรณีพิพาทกับเกาหลีใต้ รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามอย่างยิ่งที่จะกระชับความสัมพันธ์กับจีน ถึงขนาดเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศจาก“ทาโร โคโนะ” ที่มีท่าทีแข็งกร้าว มาเป็น “โทชิมิตสึ โมเตกิ” อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ประนีประนอมกับจีน ยิ่งในช่วงนี้ มีกำหนดการที่ประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศจึงติดต่อกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น การสื่อสารจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และ่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่นำพลเมืองของตนออกจากอู่ฮั่นได้

ขณะที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสองประเทศก็ลงรากลึก โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น ขณะที่ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ2ของจีน ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่น เรียกร้องให้จีนเร่งปรับปรุงสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนตะวันออก ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีสีจะเยือนญี่ปุ่น พร้อมทั้งเตือนว่าทัศนะแข็งกร้าวของจีนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้หมดไปได้ และจะทำให้เกิดบรรยากาศที่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากต้อนรับประธานาธิบดีสี

เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีสี และอาเบะ ไปร่วมประชุมจี20 ทั้ง2เห็นพ้องร่วมกันในฐานะที่ทั้งสองประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา ดังนั้นความพยายามร่วมกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เหมาะสมกับความต้องการของยุคใหม่

ผู้นำจีน เห็นว่า โลกทุกวันนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี ด้วยการผลิกโฉมระบบการกำกับดูแลทั่วโลก และการพัฒนาภูมิทัศน์ระหว่างประเทศด้วยความเร็วมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งจีนและญี่ปุ่นควรปฏิบัติตามกฎที่กำหนดไว้ในเอกสารทางการเมืองระหว่างจีนกับญี่ปุ่น 4 ฉบับ ปฏิบัติตามฉันทามติทางการเมืองว่า ญี่ปุ่นกับจีนจะเป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกัน ไม่คุกคามซึ่งกันและกัน และยกระดับความไว้ใจในแต่ละฝ่าย รวมทั้งผลักดันความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นควบคู่ไปกับสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

ส่วนในประเด็นเศรษฐกิจ ปธน.สี เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน ตลาดออนไลน์ รวมถึงนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างพื้นที่การเติบโตใหม่ๆสำหรับโครงการความร่วมมือ และเพื่อนำไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจชั้นนำในภูมิภาค

หากว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนราบรื่น และสองประเทศนี้มีความใกล้ชิดกัน ญี่ปุ่น ก็จะไม่มีโอกาสสร้างสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจีน แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สหรัฐและจีน มีปัญหาด้านการค้าและปัญหาอื่นๆระหว่างกัน เพราะฉะนั้นการเร่งสร้างความแข็งแกร่งแก่การดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่น จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับจีน ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นเอง ก็ควรฉวยโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับจีนเช่นกัน