บจ.แห่'ซื้อหุ้น'คืน พยุงราคาช่วงขาลง

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ประกาศซื้อหุ้นคืน (Tresury Stock) จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือKBANK ซึ่งเตรียมดำเนินการซื้อหุ้นคืนจำนวน23.93 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยมีวงเงินซื้อหุ้นคืน 4,600 ล้านบาท เริ่มซื้อวันที่14-27 ก.พ.2563

ถัดมาคือบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เตรียมซื้อหุ้นคืนจำนวน 169.38 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว วงเงินซื้อหุ้นคืน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มซื้อวันที่ 2 มี.ค.-1 ก.ย.2563 ขณะที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เตรียมซื้อหุ้นคืนจำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.6% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เริ่มซื้อวันที่ 12 ก.พ.-11 ส.ค.2563

รวมถึงยังมีบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ที่เตรียมซื้อหุ้นคืนจำนวน 383.61ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว วงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.-13 ส.ค.2563

นอกจากนี้จากการรวมรวมข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่านับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1-30 ม.ค.63) มีบจ.ที่อยู่ระหว่างการซื้อหุ้น 10 บริษัท โดยได้ซื้อหุ้นคืนแล้ว 165.03 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 270.08 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรมผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวนและปรับตัวลงแรง จะจูงใจให้บจ.หลายๆบริษัทที่มีความพร้อมทางการเงินประกาศซื้อหุ้นคืนและยังเป็นการส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นระยะสั้น โดยช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวดีสุด ระยะ1 เดือนหลังประกาศซื้อหุ้นคืน

ขณะที่หากไปดูข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ในกลุ่มตัวอย่างบจ.ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเกือบทั้งหมดราว 42 บริษัท และส่วนใหญ่จะประกาศซื้อหุ้นคืนในปีที่ตลาดฯปรับฐานแรงเสมอซึ่งหากพิจารณาภาพรวมของ SET Index สังเกตได้ว่าหลังจากบจ.ที่ออกมาประกาศซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก SET Index มักจะตอบสนองในเชิงบวกและมีโอกาสรีบาวด์กลับในระยะถัดไปเสมอ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักลงทุนตอบรับสัญญาณที่ผู้บริหารส่งออกมาว่าราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องในการปรับขึ้นของราคาหุ้นยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมอื่นๆด้วย เฉพาะอย่างยิ่งแรงหนุนจากฟันด์โฟลว์

ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ช่วงเวลาในการลงทุนหุ้นที่ถูกซื้อหุ้นคืนจากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ในวันที่ประกาศ และขายทำกำไรใน 1 เดือนถัดมา ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน10%) เนื่องจาก การซื้อหุ้นคืนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาหุ้น ประกอบกับความคาดหวัง EPS เพิ่มขึ้นจากจำนวนหุ้นที่ลดลง รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณของผู้บริหารว่าหุ้นบริษัทตัวเองถูกเกินไป