ดึงเชื่อมั่นต่างชาติ ! ปมเก็บหุ้น นายหญิง WHA

ดึงเชื่อมั่นต่างชาติ ! ปมเก็บหุ้น นายหญิง WHA

ส่องกระเป๋า 'จรีพร จารุกรสกุล' นายหญิง 'ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น' ตุนเงินสดเก็บหุ้น WHA เพิ่ม หากราคาร่วงอีก ! หวังสร้างศรัทธาต่างชาติ พร้อมกางแผนธุรกิจปี 2563 เน้นขยายลงทุนในและนอกบ้าน เดินหน้าเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก...

เตรียมเงินสดไว้ในมือเยอะแยะ ไว้รอเวลาหุ้นร่วงก็เข้าไปเก็บ แต่ดูไปดูมาจะซื้อหุ้นคนอื่นทำไมซื้อหุ้น WHA ดีกว่าพื้นฐานแกร่ง เติบโตตัวเลขสองหลัก เราทำเรารู้ดีที่สุด ! เตรียมเงินสดไว้ในมือเยอะแยะ ไว้รอเวลาหุ้นร่วงก็เข้าไปเก็บ แต่ดูไปดูมาจะซื้อหุ้นคนอื่นทำไมซื้อหุ้น WHA ดีกว่าพื้นฐานแกร่ง เติบโตตัวเลขสองหลัก เราทำเรารู้ดีที่สุด ! 

ประโยคเด็ดของ 'จรีพร จารุกรสกุล' ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA บอกให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังเช่นนั้น ก็เท่าที่เห็นเวลาหุ้นร่วงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) มักจะเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทตัวเองคืน แต่ก็ไม่เห็นว่าหุ้นจะขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว !  

ทว่า ในส่วนของ WHA นั้น ไม่มีการขอคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ให้บริษัทเข้าไปซื้อหุ้นคืน แต่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และก่อตั้งธุรกิจมา ที่เห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในอนาคตตามแผนธุรกิจที่วางเป้าหมายไว้ ฉะนั้น ไม่ต้องรอให้บริษัทเป็นคนซื้อหุ้นคืน แต่  'จรีพร จารุกรสกุล' เจ้าของตัวจริงจะซื้อหุ้นเก็บเอง ! โดยที่ผ่านมาเตรียมเงินสดไว้ หากราคาหุ้นร่วงจะเข้าไปเก็บ   

เธอบอกว่า การควักเงินซื้อหุ้น WHA เพราะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่แท้จริงของธุรกิจ ที่มีการเติบโต ซึ่งในปี 2562 บริษัทก็สามารถเติบโต 'ระดับ 22%' แม้ว่าจะต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ตอนต้นปีก็ตาม แต่ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ระดับนี้ถือกว่าดีมากแล้ว ! 

นั่นคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้น WHA ไม่ลดลง โดยยังคงสัดส่วนต่างชาติ 'ประมาณ 20%' ฉะนั้น บริษัทจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าธุรกิจของ WHA ยังมีการเติบโตที่ดี ประกอบกับในปีนี้คงต้องเดินสายชี้แจ้งข้อมูล (โรดโชว์) มากขึ้นด้วย เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจเนื่องจาก WHA มีหลากหลายธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ไปโรดโชว์เท่าไหร่ ! 

สอดคล้องในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. 2563 ได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ราคา 3.32 บาท และ 3.16 บาท หรือประมาณ 84.75 ล้านบาท การตัดสินใจในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ “ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน” หลังจากราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ท่ามกลางกระแสความกังวลต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับความเชื่อมั่นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

เปิดปี 2563 มาไม่ทันไร ! เศรษฐกิจไทยก็โดนปัญหารุมเร้าไล่มาทั้งแต่ ภัยแล้ง เงินบาทแข็ง งบประมาณล่าช้า และล่าสุดไวรัสโคโรนา ซึ่งถือว่าเป็นความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจากตัวเลขประมาณการณ์ต่างๆ ที่เข้ามา แต่ก็ยังมีสิ่งดีในความเป็น WHA ว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นใน 4 ธุรกิจของเราได้เฉกเช่นไร ! 

'หญิงเก่ง' บอกว่า สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปี (2563-2567) วางงบลงทุนอยู่ 5.2 หมื่นล้านบาท โดยมีเป้าหมายเติบโตทั้ง '4 ธุรกิจ' ประกอบด้วย ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม , ธุรกิจโลจิสติกส์ , ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

'การเติบโตของ WHA ยังมีทิศทางของผลดำเนินงานเป็นตัวเลขสองหลัก โดยปี 2563 ตั้งเป้าหมายโต 15% แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมตั้งเป้าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 40%'

โดยการเติบโตมาจากการลงทุนทั้งในและนอกบ้าน เธอ แจกแจงว่า 'ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม' ภายใต้ บมจ.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนต์ (WHAID) จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 12 ของกลุ่ม และขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 4 แห่งภายในปี 2566 

ขณะที่ ในประเทศเวียดนาม WHAID จะพยายามเร่งยอดขายเพื่อดึงดูดนักลงทุนมายังเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1-เหงะอาน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคกลางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ขณะเดียวกันบริษัทจะพัฒนาพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เหลือของประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1- เหงะอาน เฟส 1 ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนามอีกด้วย 

'ในปีนี้ตั้งเป้าขายที่ดิน 1,400 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 1,200 ไร่ และในเวียดนาม 200 ไร่'

'ธุรกิจโลจิสติกส์' ภายใต้ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ โดยธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตมาจากตลาดอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง สะท้อนผ่านปี 2561 อัตราการเติบโต 12% แต่มาปี 2562 อัตราการเติบโต 20% ดังนั้น ในระยะยาวบริษัทจะมีพันธมิตรโดยเฉพาะในด้านอี-คอมเมิร์ซ เน้นไปที่สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดมูลค่าสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ (Aotomotive) อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปอาหาร (Food Processing) เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทจะนำเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณลักษณะใหม่ๆ ให้กับคลังสินค้าอัจฉริยะ ซึ่งในปี 2563 เตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ๆ รวมถึงโครงการอีคอมเมิร์ซและการเช่าใหม่ โดยตั้งเป้ายอดเช่าอาคารไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร ที่จะทำให้พื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร นอกเหนือจากพื้นที่คลังสินค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยและในประเทศอินโดนีเซียแล้ว ยังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในเวียดนามด้วย เนื่องจากมองว่าเวียดนามมีศักยภาพสามารถเติบโตได้อีกมาก 

'ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน' ภายใต้ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP นั้น จะขยายธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการน้ำรูปแบบใหม่ และเสริมพอร์ทด้านพลังงานด้วนนวัตกรรมโซลูชั่นพลังงาน โดยจะขยายการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ทั้งในไทยและเวียดนาม และจะให้บริการโซลูชันทรัพยากรน้ำหลากหลายรูปแบบ ทั้งการบำบัดน้ำเสียและปรับปรุงคุณภาพน้ำ การผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ และการนำน้ำทะเลมาผลิตเป็นน้ำจืด

ส่วนในเวียดนามจะยังมองหาโอกาสการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค สะท้อนผ่านปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้า “ซื้อกิจการ” (M&A) โรงผลิตน้ำประปาขนาดใหญ่ในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และยังมีโอกาสในการขยายกิจการในเรื่องของธุรกิจน้ำอีกมากหลังจากบริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัท Duong River Surface Water Plant JSC (SDWTP) ซึ่งเป็นประกอบกิจการน้ำในประเทศเวียดนาม ซึ่งก็มีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตก็น่าจะมีการขยายไปอีกมากเหมือนกับประเทศไทย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายกำลังการผลิตติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 35 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ราว 15 เมกกะวัตต์

'ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างการรอนโยบายจากภาครัฐที่จะออกมา ซึ่งจะสามารถขายไฟฟ้าให้กับเอกชนต่อเอกชนได้ ซึ่งหากในส่วนนี้ออกมาจะทำให้ธุรกิจไฟฟ้าของเราเติบโตได้อีกมาก ซึ่งตอนนี้ในนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าของเรามีพื้นที่จำนวนมากที่จะสามารถทำโซลาร์รูฟท็อปได้'

นอกจากนี้ WHAUP จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาโซลูชั่นพลังงานหมุนเวียน หลังจากเปิดบริษัท ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเมื่อเดือนพ.ย. 2562 WHAUP จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา บริษัทจะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรระยะยาวในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหลัก

และ 'ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม' ภายใต้ ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม โดยบริษัทตั้งเป้าสนับสนุนการดำเนินงานทุกรูปแบบในทุกฮับของกลุ่มธุรกิจ ช่วงปลายปี 2563 จะมีการติดตั้งไฟเบอร์ออพติก ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่งในไทย 

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อด้านดิจิทัลภายในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท รวมทั้งการมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จะส่งผลดีกับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อีกด้วย ทั้งนี้ ในปี 2563 จะมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ราว 150,000 ตารางเมตร ซึ่งทั้ง 4 กองทุนของกลุ่มมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 45% ต่อปี และมีมูลค่าสูงถึง 5.54 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2562

โดยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมโกรท (WHART) และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นราว 77% และ 30% ตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้จำนวน 7,500 ล้านบาท ในช่วงเดือนมี.ค. นี้ เพื่อที่จะรองรับการลงทุนต่อเนื่องของบริษัท โดยบริษัทมองว่าในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีต้นทุนและดอกเบี้ยที่เหมาะสม 

เธอบอกว่า ในปี 2562 'ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป' มีผลประกอบการและส่วนแบ่งกำไรรวมมูลค่าราว 1.35 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวม 8.2 หมื่นล้านบาท โดยมีลูกค้าใหม่ทั้งหมด 80 ราย และมีสัญญาซื้อที่ดินและเช่าโรงงานจำนวน 130 ฉบับ ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารวม 900 ราย จากสัญญารวมทั้งฉบับ 1,450 ฉบับ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลกในปี 2563 อย่างใกล้ชิด อาทิ ความตึงเครียดด้านการค้าโลก การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เหตุการณ์เหล่านี้อาจสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท

ท้ายสุด 'จรีพร' ทิ้งท้ายไว้ว่า แม้ปีที่ผ่านมาจะต้องเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง 22% ในขณะเดียวกันเรายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกตลาดในไทยและเวียดนาม