'กรมสมเด็จพระเทพ' พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2562
โปรดเกล้าฯ ให้กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จแทนพระองค์ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2562
วันนี้(30 ม.ค.63) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2562 โดยมีศ.ดร.ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ หัวหน้าภาควิชาโรคติดเชื้อ อณูไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก และหัวหน้าหน่วยไวรัสที่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง สถาบันวิจัยมะเร็งแห่งเยอรมนี ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2562 สาขาการแพทย์ และศ.นพ.เดวิด เมบี ศาสตราจารย์สาขาโรคติดต่อ และภาควิชาวิจัยคลินิก วิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2562 สาขาการสาธาณสุข เข้ารับรางวัล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ศ.ดร.ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ หัวหน้าภาควิชาโรคติดเชื้อ อณูไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัย ไฮเดลเบิร์ก และหัวหน้าหน่วยไวรัสที่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง สถาบันวิจัยมะเร็งแห่งเยอรมนี ท่านเป็นผู้ศึกษาเกี่ยวกับวงจรชีวิตของไวรัสตับอีกเสบซี ซึ่งโรคนี้จะนำไปสู่การเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จนนำไปสู่การพัฒนายารักษาผู้ป่วยให้หายขาดจากโรคไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรัง ทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้หลายล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้องรังมากกว่า 71 ล้านคน
ศ.ดร.ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ มีความสนใจการศึกษาด้านไวรัส และระบาดวิทยามาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กที่ศึกษานั้น มีสาขาวิชาด้านไวรัสวิทยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงต้นของชีวิตการทำงาน ศ.ดร.บาร์เทนชลากเกอร์ อยู่ในสายงานวิจัยเกี่ยวข้องกับการผลิตยา เนื่องจากทำวิจัยให้กับทางบริษัทยาแห่งหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อค้นพบว่าตนเองมีความสนใจในด้านระบาดวิทยา จึงได้หักเห มาทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องไวรัสตับอักเสบ ซี
สำหรับประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานนั้น ศ.ดร.บาร์เทนชลากเกอร์ กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาการศึกษาวิจัยฯ ตลอด 7-8 ปีนั้น เป็นช่วงเวลาการทำงานที่หนัก และไม่ได้ผลลัพธ์ดังที่ต้องการ อีกทั้งต้องพบกับความล้มเหลวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นเรื่องที่ยากลำบากที่สุดกลับเป็นเรื่องการพยายามรักษาความเชื่อมั่น และกำลังใจในการทำงานของตน และผู้ร่วมงานในทีมเอาไว้ เพราะการพบความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องนั้น พร้อมจะทำให้ทุกคนถอดใจได้โดยง่าย
ศาสตราจารย์บาร์เทนชลากเกอร์และคณะ ค้นพบวิธีเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสนี้ในเซลล์เพาะเลี้ยง และสร้างแบบจำลองชิ้นส่วนพันธุกรรมของไวรัสได้ ทำให้เปิดโอกาสในการค้นหาสารจำนวนมากที่สามารถเป็นยาต้านไวรัสชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังค้นพบชิ้นส่วนของโปรตีนที่ไม่มีโครงสร้าง (เอนเอส 3) ซึ่งสร้างเอนไซม์โปรตีเอสของไวรัส และพบว่าเป็นเป้าหมายสำคัญของยาที่สามารถต้านเชื้อนี้ได้ ผลการศึกษานี้ นำไปสู่การพัฒนายาต้านไวรัสตับอักเสบซีรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า ดีเอเอ (DAA : direct acting antiviral) ที่สามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรัง ให้หายได้ถึงร้อยละ 95 โดยมีผลข้างเคียงน้อยลง ทั้งนี้ ยาดังกล่าวยังมีราคาที่สูงมาก ดังนั้น สำหรับแผนการต่อไปในอนาคต ศาสตราจารย์บาร์เทนชลากเกอร์และคณะมองเห็นว่า สิ่งที่เป็นความท้าทายในขั้นต่อไป คือ การกระจายยาให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ป่วยที่มีความต้องการได้อย่างทั่วถึง
ศ.นพ.เดวิด เมบี ศาสตราจารย์สาขาโรคติดต่อ และภาควิชาวิจัยคลินิก วิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน เป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคริดสีดวงตา มากว่า 30 ปี โรคริดสีดวงตาเป็นการติดเชื้อของตาที่ทำให้ตาบอดได้บ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลามิเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ซึ่งทำให้เกิดความพิการทางสายตาได้มากถึงปีละ 1.9 ล้านคนทั่วโลก การติดเชื้อแพร่กระจายโดยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากตาหรือจมูกของผู้ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มีสุขอนามัยไม่ดี ประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และไม่มีแหล่งน้ำสะอาดที่เข้าถึงได้เพียงพอ
ศ.นพ.เดวิด เมบี เกิดที่แอฟริกาตะวันตก ในวัยเด็กเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในอังกฤษ จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์ และเดินทางไปรับตำแหน่งแพทย์ประจำโรงพยาบาลขนาดเล็ก (40เตียง) ที่ประเทศแกมเบีย ในทวีปแอฟริกาเป็นเวลา 8 ปี ด้วยเหตุนี้จึงมีความคุ้นเคย และให้ความสนใจเกี่ยวกับโรคดังกล่าวซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ของประชากรในพื้นที่นั้น ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเกี่ยวกับโรคดังกล่าวกลับมีอยู่จำนวนน้อยมาก
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์เมบีและคณะ ศึกษาในพื้นที่ของประเทศแกมเบีย และค้นพบว่าการตาบอดจากโรคริดสีดวงตาเกิดจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย และต่อมาค้นพบว่า การให้ยาเอซิโทรมัยซิน (azithromycin) เพียง 1 ครั้งสามารถรักษาโรคริดสีดวงตาได้ผล จึงมีการศึกษาแบบพหุสถาบัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการให้ยาดังกล่าวในชุมชนแบบประจำปี สามารถลดการแพร่กระจายของโรคนี้ได้ ดังนั้นจึงค้นพบว่าการให้ยาเอซิโทรมัยซิน แบบครอบคลุมประชากรจำนวนมาก สามารถช่วยกำจัดโรคนี้ให้หมดไปได้ในถิ่นที่เป็นแหล่งระบาดของโรค
ผลงานวิจัยนี้นำไปสู่นโยบายขององค์การอนามัยโลก ที่จะกำจัดโรคริดสีดวงตาให้หมดไปด้วยโปรแกรมเซฟ (SAFE) ประกอบด้วย การควบคุมโรคโดยการผ่าตัด (surgery), การรักษาแบบครอบคลุมด้วยยาปฏิชีวนะ (antibiotic), ส่งเสริมการล้างหน้า (face washing) และ การปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย (environment)
สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินของศ.นพ.เมบี และคณะทำงานนั้น เห็นว่า ในช่วงแรกเริ่มของการทำงานเรื่องของการหาแหล่งเงินทุนสนับสนุน เนื่องจากโรคริดสีดวงตานั้น นับได้ว่าเป็นโรคที่มักถูกละเลยและไม่อยู่ในความสนใจของแหล่งสนับสนุนเงินทุนเท่าที่ควร
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี แห่งการพระราชสมภพ 1 มกราคม 2535 ดำเนินงานโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน พระราชทานรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทางด้านการแพทย์ 1 รางวัล และด้านการสาธารณสุข 1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา แต่ละรางวัลประกอบด้วย เหรียญรางวัล, ประกาศนียบัตร และเงินรางวัล 100,000 เหรียญสหรัฐ