‘แกร็บ’ วางหมากมุ่ง 'ดิจิทัลไฟแนนซ์'

ปี 2563 เป็นอีกปีที่น่าจับตาของธุรกิจการเงินดิจิทัล

นวัตกรรมด้านการเงินเป็นสิ่งที่ตลาด และผู้บริโภคให้ความสนใจต่อเนื่อง เนื่องจากมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในหลายด้าน ทั้งการจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงการวางแผนธุรกิจส่วนตัว แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจด้านการเงินของ แกร็บ ผู้เล่นรายใหญ่ ซูเปอร์แอปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมปล่อยบริการด้านการเงินดิจิทัลออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีนวัตกรรมจากบริษัทฟินเทคเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญ

“วรฉัตร ลักขณาโรจน์” กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยถึง 3 เทรนด์แห่งวงการฟินเทคที่น่าจับตามอง เขากล่าวว่า หนึ่งในเทรนด์สำคัญ คือ โมบายวอลเล็ต ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่สังคมไร้เงินสด

‘อีวอลเล็ต’ มาแรง

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าจำนวนธุรกรรมผ่านมือถือและอินเทอร์เน็ตระหว่างปี 255-2561 เพิ่มขึ้นถึง 116% ต่อปี และแกร็บ ไฟแนเชียล กรุ๊ป เชื่อว่า อัตราการใช้บริการด้านโมบายแบงก์กิ้งจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในบริการที่น่าจับตามอง คือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีวอลเล็ต (e-wallet)

ปัจจุบัน อีวอลเล็ตได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินของประเทศไทย และเป็นอีกทางเลือกสำคัญสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และร้านค้าในหลากหลายหมวดหมู่ ผู้ใช้สามารถรับสิทธิประโยชน์ เช่น ส่วนลดพิเศษ และการสะสมแต้ม เป็นแรงจูงใจช่วยให้ผู้บริโภคหันมาชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้น

วรฉัตร กล่าวว่า ปี 2563 การใช้งานอีวอลเล็ตจะครอบคลุมไม่เพียงแค่ภายในประเทศเท่านั้น แต่ขยายไปสู่การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เนื่องจากเริ่มเห็นความร่วมมือระหว่างธนาคารในภูมิภาค เพื่อเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า พันธมิตรระหว่างธนาคารและผู้ให้บริการเทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาบริการโมบายวอลเล็ตในประเทศไทยต่อไป

จับตา ‘ดิจิทัลนาโนไฟแนนซ์’

ขณะที่ เทรนด์ ‘ดิจิทัล นาโน ไฟแนนซ์’ จะเป็นอีกทางเลือกใหม่ เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยที่ครอบคลุม วรฉัตร มองว่า สินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจต่อเนื่อง เพราะเป็นนวัตกรรมที่เปิดให้สถาบันการเงินนำข้อมูลอื่นๆ มาประกอบการวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้กู้ยืมได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้ เช่น พนักงานรายวัน และฟรีแลนซ์

"ปี 2563 จะเป็นปีที่เราเห็นนวัตกรรมนี้เกิดขึ้นเต็มรูปแบบ เนื่องจากเทคโนโลยีพร้อม ภาครัฐผ่อนคลายกฎเกณฑ์ เพื่อให้สถาบันการเงินตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายและกว้างขึ้น"

แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เริ่มให้สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบการอาชีพ หรือนาโนไฟแนนซ์ แก่พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา

วรฉัตร เสริมว่า อีกหนึ่งเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นควบคู่การปล่อยสินเชื่อดิจิทัล คือ นำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการติดตามหนี้ ทำให้ระบบโดยรวมมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้กู้สามารถเลือกวิธีชำระค่างวดที่สะดวก เหมาะสมกับความสามารถการชำระคืนของตัวเองด้วย

158035866155

ปีแห่ง ‘การเงินดิจิทัล’

ขณะที่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ยังคงเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อย เนื่องจากผู้ประกอบการกลุ่มนี้ มักมีประวัติธุรกรรมการเงินไม่ชัดเจน จึงไม่ได้เป็นเซ็กเมนต์ที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทฟินเทคมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ ช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้ เพราะมีความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคบนโลกดิจิทัลและคล่องตัวในการดำเนินงาน ทำให้สามารถออกแบบโซลูชันที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่า ปี 2563 เป็นอีกปีที่น่าจับตาของธุรกิจการเงินดิจิทัล โดยบริษัทฟินเทค รวมถึงนอนแบงก์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยต่างมองหาโอกาสเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาด ที่ซึ่งเปิดกว้างขึ้นในด้านโครงสร้างกฎระเบียบ และอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยและคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้

“เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการตอบโจทย์ความต้องการบริการทางการเงินของกลุ่มคนได้หลากหลาย สำหรับ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้พัฒนาโซลูชั่นการเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และปีนี้ เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งพาร์ทเนอร์และผู้ใช้งานของเรา พร้อมทั้งร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” วรฉัตร ทิ้งท้าย