รีบาวด์ในกรอบจำกัด

รีบาวด์ในกรอบจำกัด

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลงแรง โดยระหว่างวันดัชนีรีบาวด์ขึ้นไปบวกกว่า 10 จุด ก่อนที่จะถูกแรงเทขายในช่วงท้ายตลาด

คาดเกิดจากแรงเทขายกำไร และ Sector Rotation รวมทั้งไวรัสโคโรนาสายพันใหม่ที่แพร่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว ได้บดบัง Sentiment การลงทุน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,513.26 จุด (-10.89 จุด) Volume 6.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -651.20 ลบ. TFEX Net  +17,068 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 187.05 จุด +0.66% ดีดตัวหลังร่วงหนักโดยมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงกว่าคาดในเดือนม.ค.

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 34 เซนต์ +0.6% ปิดที่ 53.48 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณว่าอาจจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ช่วยหนุนราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น หลังร่วงติดต่อกัน 5 วันทำการ

+สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนธ.ค.

+ปธน.สี จิ้นผิง ให้คำมั่นผู้อำนวยการใหญ่ WHO ยืนยันจีนมีความสามารถควบคุมไวรัสโคโรนา

+ ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศปี 63 เพื่อใช้เป็นยาแรงกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค.63 เร่งออก 'ชิมช้อปใช้ เฟส 4'

-สำนักงานเศรษฐกิจการคลังปรับเป้า GDP เติบโตจาก 3.3% เหลือ 2.5% เท่าปีที่แล้ว

+/-รมว.สาธารณสุข ประเมินไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดกินเวลาราว 6 เดือน พร้อมยืนยัน"เอาอยู่"

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 9,256.40 ลบ. ค่าเงินบาท 30.81 บาท/US

*จับตา ศาลรธน.รับคำร้องวินิจฉัยร่างงบประมาณฯหรือไม่. สหรัฐเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย  สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และ FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า จีนมีความสามารถที่จะต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และพร้อม WHO ในการปกป้องความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาคและในระดับโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงติดตามศาลรธน.รับคำร้องวินิจฉัยร่างงบประมาณฯหรือไม่ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,510-1,530 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

·      ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (BH BCH BDMS)

·      หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)

·      หลีกเลี่ยงกลุ่มสายการบิน (THAI AAV NOK) และกลุ่มท่องเที่ยว (AOT ERW MINT)

หุ้นรายงานพิเศษ

SABINA : Analyst Meeting (Bloomberg Consensus 36.00 บาท) อัตรากำไรขั้นต้นยังขยายตัวจากการจ้างผลิต

  • บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การบริหารการจัดการต้นทุน โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนการจ้างผลิตสินค้าในโรงงานในต่างประเทศมากขึ้นจาก 30% ในปี 62 เป็น 35% ในปี 63 ประกอบกับนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ พร้อมกับตั้งเป้าปิดร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด ราว 20-30 จุดขาย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำลง และค่าใช้จ่ายลดลง
  •  บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 7%-10% ต่อปี โดยคาดว่าจะแตะระดับ 5 พันล้านบาทได้ภายในปี 67 โดยจะเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ที่คาดเติบโตเฉลี่ยปีละ 25%-30% และช่องทางส่งออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยคาดเติบโตเฉลี่ยปีละ 30-35%
  •  ความเห็น แม้การบริโภคในประเทศจะมีโอกาสชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ยาก อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางผลประกอบการของ SABINA เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน จากต้นทุนจ้างผลิตที่ต่ำกว่าผลิตเอง ประกอบการขยายตลาดไป CLMV ยังมีสัดส่วนรายได้ต่ำ ซึ่งมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก แนะนำ “ซื้อสะสม”

หุ้นมีข่าว   

(-) DTAC (Bloomberg Consensus 57.47 บาท)   ประกาศงบปี 62 โชว์พลิกมีกำไรสุทธิ 5,422 ล้านบาท หลังโกยรายได้รวมปี 62 โต 82,146 ล้านบาท จ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีกหุ้นละ 1.61 บาท ขึ้น XD วันที่ 11 ก.พ.นี้ และจ่ายวันที่ 24 เม.ย. 63 รวมเงินปันผลทั้งปี 62 หุ้นละ 2.87 บาท ส่วนกลยุทธ์ปี 63 เตรียมความพร้อมลุย 5G ตั้งเป้ารายได้เติบโตตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ ทุ่มงบลงทุน 13,000-15,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

ความเห็น : แม้ผลประกอบการปี 62 จะสามารถพลิกมามีกำไรได้ แต่งบ 4Q19 มีกำไรเท่ากับ 502 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ จากต้นทุนค่าโรมมิ่งบนเครือข่าย 2300 MHz ของ TOT เป็นหลัก

(+) ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ที่ประชุมครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก "ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์" 1.42 แสนล้าน เปิดทางเอกชนร่วมลงทุน PPP สัญญา 30 ปี

(+) SPALI (Bloomberg Consensus 20.62 บาท)   รุกหนักปีนี้เตรียมเปิดใหม่ 30 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท วางเป้าโกยยอดขายพุ่ง 26,000 ล้านบาท พร้อมปั๊มรายได้ปีนี้กว่า 24,000 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 38,655 ล้านบาท จ่อทยอยบุ๊กรายได้ปี 63 กว่า 10,051 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BTS (Bloomberg Consensus 15.19 บาท) เผย EIA ผ่านแล้ว! เตรียมปรับสถานีสะพานตากสิน เพิ่มรางอีก 1 คู่ให้รถไฟฟ้าวิ่นสวนทาง คาดเริ่มลงมือได้กลางปีนี้ ใช้เวลา 30 เดือน เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความถี่สายสีลมเป็น 2 นาที จากเดิม 4 นาทีต่อขบวน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ZEN (Bloomberg Consensus 16.77 บาท)  ส่งซิกปี 63 กำไรโตเท่าตัว พร้อมโกยรายได้รวมโต 10% จากปี 62 ขณะที่ทุ่มงบลงทุน 150 ล้านบาท ลุยขยายสาขาใหม่ 240-260 สาขา ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "Din’s" ร้านอาหารจีนจานด่วน คาด 3 ปี เปิดครบ 10 สาขา ดันยอดขายกว่า 300 ล้านบาท ส่วนไวรัสโคโรนาระบาดกระทบสาขาย่านท่องเที่ยวแค่ระยะสั้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) IVL (Bloomberg Consensus 39.13 บาท)  เผยจัดตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ออกไซด์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide) เสริมแกร่งธุรกิจและยกระดับสถานะของบริษัทเพื่อการเติบโตในระยะยาวและการสร้างคุณค่าที่เพิ่มขึ้น พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TKN (Bloomberg Consensus 11.83 บาท) ยืนยันตัวแทนจำหน่ายในจีนไม่เลื่อนรับสินค้า หลังเกิดเหตุแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา มั่นใจรัฐบาลจีนคุมสถานการณ์ได้ พร้อมเปิดตลาดผ่านออนไลน์ใน นอกหนุนโอกาสเพิ่มยอดขายและกระจายสินค้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+/-) BOFFICE (Bloomberg Consensus 16.23บาท)  ลุยเพิ่มทุนครั้งที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 3,300 ล้านบาท ในโครงการให้เช่า "ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค" ออฟฟิศเกรด A ในโครงการ BITEC Mixed-Use Complex โชว์อัตราการเช่าพื้นที่แตะ 99% คาดเสนอขายในช่วงไตรมาสที่ 1/2563 (ที่มา ทันหุ้น)