ติดตามสถานการณ์

ติดตามสถานการณ์

คาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,510 - 1,515 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ จากความกังวลการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index วานนี้ทรุดตัวลงแรง -45.40 จุด (-2.89%) ปิดที่ 1,524 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท จากความกังวลเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เร่งการแพร่ระบาดมากขึ้นโดยทางจีนสั่งห้ามคณะทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยและ GDP ชะลอตัวลง อีกทั้งมีแรงขายกลุ่มพลังงานและปิโตรตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงเป็นตัวกดดันดัชนีอีกด้วย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,733 ล้านบาท และ Net Short TFEX 6,443 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,452 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,510 - 1,515 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงอยู่ในภาวะ Risk off (สะท้อนจาก US Bond yield 10 ปี ปรับตัวลงและราคาทองคำดีดตัวขึ้น) จากความกังวลการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 82 ราย และผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2,927 ราย ส่งผลให้จีนสั่งห้ามคณะทัวร์จีนรวมถึงการขายแพ็กเกจเที่ยวบิน โรงแรมเพื่อให้ชาวจีนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมและสายการบิน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะมีสลับรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวหลังวานนี้ดัชนีทรุดตัวลงแรงตอบรับข่าวไปบ้างแล้ว ประกอบตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเริ่มชะลอลงในช่วงสั้นซึ่งหากไม่เร่งตัวขึ้นอีกจะเป็น sentiment บวกให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้

** ติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 28 – 29 ม.ค. คาด FED คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75%

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มส่งออก Elec  (KCE, HANA, DELTA), Food (CPF, TFG, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่มรพ. BDMS, BH, BCH, CHG ได้อานิสงส์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนารวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ระดับสูงของไทย
  • กลุ่ม Defensive และงบ 4Q19F คาดว่าจะออกมาดีและดีต่อเนื่องในปีนี้ GPSC, GULF, JMT, CPF, SAWAD, MTC, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC , OSP ,CBG

** ระวังกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และค้าปลีก จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 14.3 ซื้อ/เป้า 18.1) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโรส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจของ TU เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม โดยทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 600 -700 ล้านบาท
  • LH (ปิด 9.5 ซื้อ/เป้า 11.5) ราคาหุ้นลดลงกว่า 5% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากแรงขาย sell on fact และผิดหวังมาตรการผ่อน LTV บ้านหลังที่ 2 น้อยกว่าที่คาด และการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ากระทบกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน (ห้าง Terminal) เรามองเป็นปัจจัยลบระยะสั้นและเป็นโอกาสเข้าซื้อเนื่องจาก LH เป็นหุ้นจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield ค่อนข้างสูง โดยเราคาด DPS 2H19 ประมาณ 0.40 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 4%

บทวิเคราะห์วันนี้

CENTEL (อยู่ระหว่างการทบทวนราคาเป้าหมายและการแนะนำ)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าเริ่มชะลอตัวน่าจะช่วยดึง Sentiment การลงทุนกลับมาได้บ้างในช่วงสั้น: วานนี้ Set Index ร่วงแรงกว่า 3% รับข่าวจีนสั่งระงับทัวร์ท่องเที่ยว และหวั่นวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่เร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตามในวันนี้เราเริ่มเห็นการชะลอตัวของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าว (ผู้ติดเชื้อ 2,927 ราย และเสียชีวิต 82 ราย จากวันก่อนที่ 2,744 รายและเสียชีวิต 80 ราย) คาดว่าจะช่วยดึง Sentiment การลงทุนและหนุนให้ Set index มีโอกาสเกิด Technical rebound ได้ในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม Over hang ของการแพร่ระบาดยังไม่จบ เพราะต้องรู้การประกาศขององค์การอนามัยโลกรวมถึงมาตการป้องกันของจีนว่าจะรุนแรงจนถึงการสั่งห้ามการท่องเที่ยวทั้งหมดซึ่งรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวประเภท FiT ด้วยหรือไม่
  • (+) กลุ่มส่งออก – รับอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 30.78 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน: ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องล่าสุดอ่อนค่าสู่ระดับ 30.78 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน เป็นผลจากความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจของบ้านเราซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็นหลังได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของการผ่านร่างกฏหมายงบประมาณปี 63 และมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าซึ่งล่าสุดจีนประกาศระงับทัวร์ท่องเที่ยวทั่วโลกส่งผลกระทบโดยตรงกับภาคเศรษฐกิจไทย ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าแบงก์ชาติอาจจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะส่งผลดีโดยตรงต่อ Sentiment และผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มส่งออก อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA, DELTA) และ กลุ่มส่งออกอาหาร (CPF และ TU)
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม ประชุมเฟดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม และติดตามประกาศงบ 4Q19 ของ DTAC, SCC และ PTTEP: สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐหรือเฟดในช่วงวันที่ 28-29 ม.ค.คาดที่ประชุมจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม จึงคาดว่าปัจจัยนี้จะไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม ส่วนการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/19 สัปดาห์นี้กลุ่ม Real sector จะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน นำโดย DTAC ประกาศงบวันนี้คาดพลิกมีกำไร 1.67 พันล้านบาทเทียบกับขาดทุน 4.9 พันล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และ SCC ประกาศงบวันพุธที่ 29 ม.ค. คาดผลกำไรยังอ่อนแอที่ระดับ 5.9 พันล้านบาท -5%qoq และ -44%yoy เรายังแนะนำเพียง ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 330 บาท ขณะที่ PTTEP คาดว่าจะประกาศงบในวันที่ 30 ม.ค.คาดมีกำไร 1.24 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 12%qoq และ 40%yoy แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 146 บาท (ระยะสั้นมี Over hang จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่องแนะนำรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว)