“ไวรัส HPV” ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก รู้สิทธิ เช็กก่อน ป้องกันได้

“ไวรัส HPV” ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก  รู้สิทธิ เช็กก่อน ป้องกันได้

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า อุบัติการณ์โรคมะเร็งในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ราว 1.2 แสนคนต่อปี เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน หรือในทุกๆ 1 ชั่วโมง มีคนไทยเสียชีวิต 8 ราย

โดย 5 อันดับมะเร็งในผู้ชายไทย ได้แก่ อันดับ 1 มะเร็งตับและท่อน้ำดี ถัดมา คือ มะเร็งปอด มะเล็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ตามลำดับ ขณะที่ 5 อันดับมะเร็งที่พบในหญิงไทย ได้แก่ อันดับ 1 มะเร็งเต้านม ถัดมา คือ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตามลำดับ

158014649584

  • พบมะเร็งปากมดลูก 8 พันคน/ปี

เรวดี รัศมิทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงาน โครงการรณรงค์ Thailand HPV Cervical Cancer Free #เอชพีวีไม่รู้ไม่ได้แล้ว ซึ่งจัดโดย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ว่า แม้ในปัจจุบัน “มะเร็งปากมดลูก” จะลดลงมาเป็นอันดับ 2 ของผู้หญิงไทย แต่ก็ยังมีตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ในแต่ละปี มีผู้หญิงไทย ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ราว 8 พันคน ในจำนวนนี้มียอดการเสียชีวิตถึงร้อยละ 50 รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกโดยรวมประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อ “เอชพีวี” (HPV : Human papilloma Virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อโรคบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่ ซึ่งสามารถก่อมะเร็งได้ทั้งชายและหญิง

โดยผู้หญิง ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งทวารหนัก ขณะที่ผู้ชาย สามารถก่อโรคมะเร็งองคชาต มะเร็งช่องปากและหลอดคอ และมะเร็งทวารหนัก

  • ติดเชื้อ HPV จากการสัมผัส

ทั้งนี้ เชื้อเอสพีวี แบ่งได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ HPV 6 และ 11 สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ สาเหตุ 90% ของหูดหงอนไก่ และ HPV 16 และ 18 สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมาก สาเหตุ 70% ของมะเร็งปากมดลูก และมีพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อ HPV ถึง 35 เท่า

สำหรับการติดเชื้อ HPV ที่พบบ่อย คือ การสัมผัสทางผิวหนัง เพราะฉะนั้น เพศสัมพันธ์จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ติดเชื้อ HPV บริเวณปากมดลูก และอวัยวะเพศส่วนอื่นๆ รวมทั้งทวารหนัก อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อ HPV เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย และเป็นเรื่องธรรมดาสามัญซึ่ง 80% ของผู้หญิงเคยมีเชื้อ หรือกำลังมีเชื้อ HPV อยู่ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว ถ้าร่างกายแข็งแรง เชื้อจะถูกกำจัดไปได้เอง แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอ การติดเชื้อดังกล่าว อาจพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งได้

มะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้

พล.อ.ท. นพ.การุณ เก่งสกุล ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก 100 ราย จะตรวจพบเชื้อ HPV เกือบทุกราย (ร้อยละ 99) ซึ่งแปลว่า ถ้ากำจัดเชื้อ HPV ได้ ก็เท่ากับว่ากำจัดมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนั้น แนวทางการป้องกันมะเร็งปากมดลูกจึงทำได้โดย

158014649567

1. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น การมีคู่นอนคนเดียว จะลดโอกาสรับเชื้อ HPV ได้

2. การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี โดยสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันที่ได้ผลเกือบ 100% แล้ว แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะติดไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์อื่นๆ อยู่ ดังนั้น แม้จะได้รับวัคซีนแล้ว ก็ยังมีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ

3. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างเป็นระบบ โดยในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 หรือเกือบ 20 ปีมาแล้ว ด้วยวิธี ตรวจ pap smear และ VIA หรือตรวจด้วยน้ำส้มสายชู ซึ่งทำให้ปัจจุบันอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกเริ่มลดลงแล้ว แต่อย่างไรการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ยังมีความไวในการตรวจพบมะเร็งประมาณ ร้อยละ 50-60 การตรวจ HPV ที่จะเริ่มในปีนี้ มีความไวในการตรวจพบมะเร็งปากมดลูกถึง ร้อยละ 90-95 จึงจะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เราเข้าใกล้จุดมุ่งหมายที่จะขจัดมะเร็งปากมดลูกให้สำเร็จ

  • สปสช. เพิ่มคัดกรอง HPV DNA test

ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้มีการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ในเด็กนักเรียนหญิงชั้นป.5 หรือ อายุตั้งแต่ 9-15 ปี เพื่อเป็นการป้องกันมะเร็งปากมดลูกปีละ 4 แสนคน เพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก รวมถึง สปสช. ดำเนินโครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระดับชาติขึ้น สำหรับหญิงไทยอายุ 30-60 ปี ตั้งแต่ปี 2548 ด้วยวิธี “VAI” สามารถรับการตรวจคัดกรองได้ 1 ครั้งในทุก 5 ปี ซึ่งในกรณีที่ผู้มีผลตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ จะได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมหรือส่งไปรักษาทุกราย

นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น สปสช. จึงเพิ่มสิทธิการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA test ให้แก่คนไทยทุกคน ทุกสิทธิ สำหรับหญิงไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี ในปี 2563 นี้ ซึ่งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า โดยหน่วยบริการที่มีความพร้อมในการเริ่มนำร่องในปี 2563 ทั้งหมด 24 จังหวัดทุกเขตทั่วประเทศ เช่น จังหวัดที่เป็นที่ตั้งของ โรงพยาบาลศูนย์ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในมีนาคม 2563 เป็นต้นไป และจะมีการขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ก่อนปี 2565

ด้าน ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กันตถาวร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ หัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ในฐานะหน่วยงานที่นำร่องวิจัยเรื่อง HPV ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการราว 5,000 คน กล่าวว่า ในปี 2554 ขณะนั้นการตรวจ HPV DNA Test เป็นเรื่องที่ใหม่มากในประเทศไทย ข้อมูลการติดเชื้อ HPV ในไทยพบว่ามีราว 6% แต่เจอผู้ป่วยมะเร็งเยอะ ขณะที่ต่างประเทศตรวจเจอเชื้อ HPV เยอะราว 20% แต่สะท้อนว่าเขามีการคัดกรองที่ดี

158014649621

“ตอนนี้ถือเป็นข่าวดีในวงการแพทย์ที่สิ่งที่เราทำตอนนั้น นำมาสู่การปฏิบัติจริงเป็นนโยบายระดับประเทศของกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ดังนั้น ฝากประชาชนว่าอย่าอายที่จะตรวจ และต้องมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ฉีดวัคซีนซึ่งความจริงสามารถฉีดได้ถึง 45 ปี แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง รวมถึงตรวจคัดกรอง เพื่อให้มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่หายากในที่สุด” ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย