เกษตรกรโอดแล้ง-โรคระบาด ทำต้นทุนเพิ่ม กก.ละ 3-6 บาท

เกษตรกรโอดแล้ง-โรคระบาด ทำต้นทุนเพิ่ม กก.ละ 3-6 บาท

ผู้เลี้ยงสุกรโอดแล้ง-โรคระบาดทำต้นทุนพุ่ง ระบุอากาศร้อนทำหมูโตช้า ซ้ำต้องซื้อน้ำใช้ แต่ราคาจูงใจให้ผลิต ชี้ปี 63 เลี้ยงสุกรเพิ่ม 0.49% ส่งผลราคาเป็นไปตามกลไกตลาด

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาสุกรหน้าฟาร์มอยู่ที่ 79-80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ และเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกา (ASF) ที่เกิดในหลายประเทศ ทำให้เกษตรกรทั้งรายย่อย รายกลาง และรายใหญ่ ต่างระมัดระวังในการเข้าเลี้ยงสุกรมากขึ้น ด้วยการชะลอการนำลูกสุกรเข้าเลี้ยง หรือนำเข้าในปริมาณที่น้อยกว่าปกติ รวมถึงไม่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์มาทดแทนที่ปลดไป

"ส่งผลให้สุกรในระบบของไทยหายไปกว่า 15% อย่างไรก็ตาม ปริมาณสุกรมีเพียงพอต่อการรองรับการบริโภคในประเทศ ผู้บริโภคไม่ต้องกังวล การปรับราคาขึ้นนี้สะท้อนตามกลไกตลาดเท่านั้น"

ปัจจุบันเกษตรกรยังมีต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นจากระบบป้องกันโรคอีกตัวละ 3-5 บาท จากปัญหาภัยแล้งและอากาศแปรปรวน ทำให้สุกรกินอาหารน้อยลง และโตช้า ต้องเลี้ยงนานขึ้น โดยต้องยืดเวลาเลี้ยงออกไปอีก 2 สัปดาห์

นอกจากนี้ภาวะภัยแล้งทำให้ปริมาณน้ำสำรองที่กักเก็บไว้ใช้ภายในฟาร์มเริ่มไม่เพียงพอ
เกษตรกรหลายพื้นที่จำเป็นต้องซื้อน้ำจากแหล่งอื่น ทำให้มีต้นทุนเพิ่ม
ในส่วนของค่าน้ำ 300-600 บาทต่อการเลี้ยงสุกรขุน 1 ตัว หรือเพิ่มขึ้นถึง 3-6 บาทต่อเนื้อสุกร 1 กิโลกรัม

รายงานจากกรมปศุสัตว์แจ้งว่า การผลิตสุกรของไทยปี 2563 คาดว่าจะมีปริมาณ 20.53 ล้านตัว หรือเพิ่มขึ้น 0.49% เนื่องจากปริมาณการผลิตขยายตัวตามจำนวนประชากร และราคาสุกรมีชีวิตจูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต ตลอดจนเกษตรกรมีการบริหารจัดการฟาร์มและป้องกันโรคระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ประสิทธิภาพในการเลี้ยงสุกรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น

ปี 2563 มีความท้าทายของอุตสาหกรรมสุกรของไทย โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งแล้งเร็วและแล้งนาน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการเลี้ยง ทำให้สุกรกินอาหารน้อยลง การเติบโตช้า ต้องใช้อาหารมากขึ้นในการเปลี่ยนเป็นน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จึงต้องใช้เวลาเลี้ยงนานขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ยังต้องลงทุนเพิ่มในส่วนของการปรับคุณภาพน้ำ สำหรับน้ำที่ซื้อมาสำรองใช้ โดยฟาร์มหลายแห่งต้องเลือกซื้อน้ำจากแหล่งที่มีคุณภาพและสะอาดเพียงพอ สามารถน้ำมาใช้ให้สุกรกินได้ เช่น น้ำบาดาล ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่ 150-300 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

สำหรับน้ำที่ใช้ทำความสะอาดโรงเรือน อาจจะใช้น้ำคุณภาพต่ำลงมา เป็นน้ำผิวดินหรือน้ำคลอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100-150 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังไม่รวมค่าขนส่ง หากฟาร์มอยู่ไกลจากแหล่งน้ำต้นทุน ก็จะเพิ่มขึ้นตามระยะทาง