'เอ๋ ปารีณา' ยื่นเงินสด 7 แสน ลุ้นประกัน คดีร่วมครอบครองอาวุธปืน

'เอ๋ ปารีณา' ยื่นเงินสด 7 แสน ลุ้นประกัน คดีร่วมครอบครองอาวุธปืน

ศาลอาญา เลื่อนนัดสอบคำให้การ หลังจำเลยร่วมไม่ได้รับหมาย นัดอีกครั้งบ่าย 9 มี.ค. ด้านส.ส.ราชบุรี "เอ๋ ปารีณา" จำเลยที่ 2 มาศาลพร้อมยื่นเงินสด 7 แสนประกันตัว

ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความและสอบคำให้การคดีหมายเลขดำ อ.3041/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสัชญา หรือขวัญ สถิรพงษะสุทธิ อายุ 44 ปี และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ หรือเอ๋ อายุ 43 ปี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประเภทปืนกลเล็ก และกระสุนชนิดระเบิดเจาะเกราะซึ่งไม่ใช่ชนิดและขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ โดยมีไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,8 ทวิ , 55 , 72 ,72 ทวิ , 78 พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ พ.ศ.2522 มาตรา 6 และฉบับ พ.ศ.2530 มาตรา 3 พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15,42 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 , 140 , 371

โดยคดีนี้ เป็นการโอนคดีฟ้องมาจากศาลทหารกรุงเทพฯ ซึ่งพนักงานอัยการคดีอาญา 4 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 ที่ผ่านมา ซึ่งคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยเป็นพลเรือน ร่วมกับพวกอีก 1 คนที่เป็นพลเรือนซึ่งยังหลบหนี ได้ร่วมกันมีอาวุธปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดที่เหตุพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม โดยระหว่างวันที่ 29 พ.ค.-15 ก.ค.57 จำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันมีอาวุธปืนกลเล็ก พร้อมซองกระสุนปืน 1 อัน ซึ่งเป็นลูกกระสุนระเบิดยิงชนิดระเบิดเจาะเกราะ จำนวน 19 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามซึ่งไม่ใช่ประเภท ชนิด และขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ข้อ 2,3 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ขณะที่วันที่ 15 ก.ค.57 ซึ่งเป็นวัน-เวลาที่อยู่ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จำเลยร่วมกับพวกที่หลบหนี มีกล้องส่องเวลากลางคืนจำนวน 1 ชุด , เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 1 ตัว และหมวกเกราะกันกระสุน จำนวน 1 ใบ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม และจำเลยยังพาอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด .38 SUPER เครื่องหมายทะเบียน กท 4507271 จำนวน 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย กับกระสุนปืนออโตเมติกจำนวน 31 นัด และอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์กับกระสุนปืนลูกกรดจำนวน 8 นัด ติดตัวไปใน ซ.สมคิด ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา เหตุเกิดที่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. อันเป็นเขตที่อยู่ในอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก

ขณะที่วันนี้ "น.ส.ปารีณา" ส.ส.พปชร. จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลตามนัดพร้อมทนายความ ส่วน "นายสัชญา" จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล เมื่อถึงเวลานัด ศาลทราบว่า "นายสัชญา" จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับหมายจากศาลที่แจ้งวันนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยทั้งสองอีกครั้ง ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ทั้งนี้ ภายหลังศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดสอบคำให้การและตรวจหลักฐานแล้ว "น.ส.ปารีณา" จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ตามขั้นตอน โดยใช้หลักทรัพย์เดิมที่เคยยื่นไว้ที่ศาลทหาร เป็นเงินสด 700,000 บาท โดยขณะนี้คำร้องขอปล่อยชั่วคราวอยู่ระหว่าการพิจารณาของศาล