กังวลการระบาดโคโรนา

กังวลการระบาดโคโรนา

คาดว่านักลงทุนจะยังคงอยู่ในภาวะ Risk off ซึ่งสะท้อนจาก US Bond yield 10 ปี ปรับตัวลงและราคาทองคำดีดตัวขึ้นเพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อไป

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index วันก่อนอ่อนตัวลง -4.15 จุด (-0.26%) ปิดที่ 1,569 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุนประกอบกับมีแรงขายกลุ่ม Energy และ Petro กดดันภาวะตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากความกังวล Demand การใช้น้ำมันที่หดตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตามได้แรงซื้อกลุ่ม ICT, HELTH ช่วยหนุนให้ดัชนีไม่ปิดลบมากนัก ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,075 ล้านบาท และ Net Short TFEX 12,335 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,044 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,550 - 1,555 จุด จากความกังวลเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เร่งตัวขึ้นและกำลังแพร่ระบาดไปหลายประเทศโดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 80 ราย และผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 2,744 ราย ซึ่งจีนได้ประกาศขยายวันหยุดตรุษจีนออกไปแบบไม่มีกำหนดรวมถึงสั่งห้ามคณะทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศและการขายแพ็กเกจเที่ยวบิน โรงแรมสำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรงต่ำกว่า 53 US/barrel ซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน ดังนั้น คาดว่านักลงทุนจะยังคงอยู่ในภาวะ Risk off ซึ่งสะท้อนจาก US Bond yield 10 ปี ปรับตัวลงและราคาทองคำดีดตัวขึ้นเพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มส่งออก Elec  ( KCE HANA DELTA )  Food ( CPF TFG TU ) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่าลง
  • กลุ่มรพ. BDMS, BH, BCH, CHG ได้อานิสงส์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนารวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ระดับสูงของไทย
  • กลุ่ม Defensive และงบ 4Q19F คาดว่าจะออกมาดีและดีต่อเนื่องในปีนี้ GPSC, GULF, JMT, CPF, SAWAD, MTC, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC , OSP ,CBG
  • ** ระวังกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และค้าปลีก จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BDMS (ปิด 26 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 30) ผ่านพ้นช่วงการลงทุนใหญ่มาแล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไร อีกทั้งระยะสั้นยังได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า ทั้งนี้หากเทียบสถิติกับช่วงการแพร่ระบาดของโรคซาร์ในปี 2003 กลุ่มโรคพยาบาลเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดมากที่สุด
  • INTUCH (ปิด 60.5 ซื้อ/เป้า 81) INTUCH เหมาะสำหรับหลบภัยในภาวะตลาดผันผวนเนื่องจากจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ประมาณ 4.5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับ ADVANC ที่ 3.5% ขณะที่ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 28% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 20-25%

บทวิเคราะห์วันนี้

MAJOR (ปิด 23.1 ปรับเป็นซื้อ/เป้า 28)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) จีนประกาศยกเลิกทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าคาดกระทบภาคการท่องเที่ยวและ GDP ของไทยโดยตรง : จากจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าที่เร่งตัวขึ้น (ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อ 2,744 ราย เสียชีวิต 80 ราย เทียบกับเมื่อวันศุกร์ติดเชื้อ 835 และเสียชีวิต 25 ราย) เพื่อระงับการแพร่ระบาดดังกล่าวทางการจีนได้ประกาศสั่งให้บริษัท่องเทียวหยุดจัดทัวร์นำนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก เบื้องต้นคาดว่าจะมีระยะเวลาในการระงับกิจกรรมดังกล่าวประมาณ 2-3 เดือน เบื้องต้นคาดผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวและ GDP ไทยโดยตรง เนื่องจาก GDP ไทยมีสัดส่วนจากภาคท่องเที่ยวคิดเป็น 10% และภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนจากนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 20-25% หรือมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 10-11 ล้านคนต่อปี โดย 30-40% มาจากทัวร์ท่องเที่ยว กลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบ คือ สนามบิน (AOT), โรงแรม (ERW CENTEL, MINT), สายการบิน (AAV, NOK, THAI) กลุ่มโรงหนัง (MAJOR), ร้านอาหาร (ZEN) และ สปา(SPA)
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมันยังเหนื่อยราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 เดือน : ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงอีก 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 54.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 1) กังวลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนากระทบการเดินทางและความต้องการน้ำมัน 2) กังวลอุปทานล้นตลาดหลังจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ตลาดน้ำมันจะเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และ 3) กังวลกลุ่ม OPEC ไม่ขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.7 ล้านบาร์เรลหลังจากมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มี.ค.นี้
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม ประชุมเฟดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม และติดตามประกาศงบ 4Q19 ของ PTTEP และ SCC : สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐหรือเฟดในช่วงวันที่ 28-29 ม.ค.คาดที่ประชุมจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม จึงคาดว่าปัจจัยนี้จะไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม ส่วนการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/19 สัปดาห์นี้กลุ่ม Real sector จะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน นำโดย SCC ในวันพุธที่ 29 ม.ค. คาดผลกำไรยังอ่อนแอที่ระดับ 5.9 พันล้านบาท -5%qoq และ -44%yoy เรายังแนะนำเพียงถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 330 บาท ขณะที่ PTTEP คาดว่าจะประกาศงบในวันที่ 30 ม.ค.คาดมีกำไร 1.24 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 12%qoq และ 40%yoy แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 146 บาท (ระยะสั้นมี Over hang จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่องแนะนำรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตั