‘ไฮบริดคลาวด์’ กระแสหลัก กลยุทธ์ลงทุนไอทียุคดิจิทัล

‘ไฮบริดคลาวด์’ กระแสหลัก กลยุทธ์ลงทุนไอทียุคดิจิทัล

ไฮบริดคลาวด์ตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่น

ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กร นูทานิคซ์” รายงานผลสำรวจ “ดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กร (Enterprise Cloud Index: ECI)” ขององค์กรธุรกิจทั่วโลกว่า องค์กรต่างๆ วางแผนที่จะโยกการลงทุนไปสู่สถาปัตยกรรมไฮบริดคลาวด์ รวมถึงการปรับใช้ไฮบริดคลาวด์อย่างมีนัยสำคัญในอีกห้าปีข้างหน้า

จากการวิจัยเรื่องการเลือกใช้ไพรเวทคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และพับลิคคลาวด์สำหรับองค์กร ร่วมกับ แวนสันบอร์น พบว่า แอพพลิเคชั่นต่างๆ กำลังถูกโยกย้ายจากพับลิคคลาวด์กลับไปไว้ที่ดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร โดยเกือบสามในสี่ หรือ 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่า พวกเขากำลังย้ายแอพพลิเคชั่นบางตัวออกจากพับลิคคลาวด์ไปไว้ยังดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร

โดย 22% ของผู้ใช้เหล่านั้นกำลังย้ายแอพพลิเคชั่นมากกว่าห้าตัวขึ้นไป ซึ่งการกระทำเช่นนี้ตอกย้ำว่าองค์กรจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติที่ยืดหยุ่นของไฮบริดคลาวด์เพื่อทำให้องค์กรสามารถปรับใช้งานโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้ตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

’ซิเคียวริตี้’ตัวตัดเชือกการลงทุน

นูทานิคซ์ชี้ว่า ความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อกลยุทธ์การใช้คลาวด์ในอนาคตขององค์กร ผู้ตอบแบบสอบมากกว่าครึ่ง หรือ 60% กล่าวว่า สถานะด้านความปลอดภัยของคลาวด์จะมีผลกระทบอย่างมากที่สุดต่อแผนการเลือกใช้คลาวด์ในอนาคต ในทำนองเดียวกันความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อบังคับถือเป็นตัวแปรอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกใช้งานขององค์กร

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต่างลงความเห็นว่าในบรรดารูปแบบการปฏิบัติการด้านไอทีทั้งหมด ไฮบริดคลาวด์เป็นระบบที่ปลอดภัยที่สุด สอดคล้องกับที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 28% ระบุว่าไฮบริดเป็นรูปแบบที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากกว่าผู้เลือกไพรเวทคลาวด์หรือระบบปิดแบบเดิมเพียงอย่างเดียวที่มีจำนวน 21% ส่วนผู้ที่เลือกแบบดั้งเดิมที่เป็นการเก็บในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรเพียงอย่างเดียวมี 13%

ที่น่าสนใจ ผู้ตอบแบบสอบถาม 23.5% ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในปัจจุบัน การสำรวจพบว่าบริษัทจำนวนมากยังตามไม่ทันกับการใช้คลาวด์ในองค์กร

อย่างไรก็ตาม แผนงานต่างๆ ของผู้ตอบแบบสอบถามชี้ให้เห็นว่า ในระยะเวลาหนึ่งปี จำนวนองค์กรที่ไม่มีการใช้คลาวด์จะลดลงไปอยู่ที่ 6.5% และในระยะเวลาสองปี จะลดลงกว่าครึ่งไปอยู่ที่ 3% 

จากรายงานพบด้วยว่าจำนวนองค์กรที่ไม่มีการใช้คลาวด์ในทวีปอเมริกาลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 21% เมื่อเทียบกับแถบยุโรป-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา ซึ่งลดลง 25% และเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ลดลง 24%

ปัจจุบัน องค์กรต่างๆ กำลังพยายามให้คลาวด์คอมพิวติ้งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ระบบดิจิทัล ผู้ตอบแบบสอบถาม 72% กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลผลักดันให้เกิดการใช้งานระบบคลาวด์ในองค์กร ส่วนอีก 64% เห็นว่าการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในองค์กรของพวกเขา

ชี้ไทยยังปรับตัวได้ช้า

ทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทยองค์กรธุรกิจยังคงใช้แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่บนโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 59% ที่ระบุว่าปัจจุบันดาต้าเซ็นเตอร์ของตนยังไม่ใช้ระบบคลาวด์

ข้อมูลระบุด้วยว่า องค์กรธุรกิจไทยยังคงใช้งานระบบไพรเวทคลาวด์น้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยปัจจุบันมีเพียง 29% ที่ใช้ไพรเวทคลาวด์ ขณะที่ระดับเอเชียแปซิฟิกเฉลี่ยที่ 53.57%

อย่างไรก็ดี 76% เห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าไฮบริดคลาวด์เป็นรูปแบบไอทีที่เหมาะสมสำหรับองค์กรของตน นูทานิคซ์คาดว่าภายใน 5 ปี การใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม รวมถึงไพรเวทคลาวด์ และพับบลิคคลาวด์แบบแห่งเดียวจะลดลง องค์กรจะไปเน้นที่มัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์แทน

“ความยืดหยุ่นเป็นหัวใจสำคัญในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และไฮบริดคลาวด์เป็นระบบที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะที่สำคัญ”

นอกจากนี้ ไฮบริดคลาวด์ยังมีส่วนช่วยรองรับความต้องการที่มีความเฉพาะเจาะจงของตลาด เช่น ช่วงเทศกาลชอปปิงออนไลน์ 11.11 ที่มีความต้องการการประมูลผลระดับสูง รวมถึงการลดข้อจำกัดด้านการลงทุนไอทีที่จะมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง

ขณะที่ ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อแผนการใช้งานคลาวด์ในตลาดไทย 3 เรื่องที่สำคัญประกอบด้วย ความกังวลด้านระบบซิเคียวริตี้ การขาดแคลนบุคคลากรที่มีทักษะด้านไอที และนโยบายหรือกฏเกณฑ์การใช้งานที่ถูกกำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลภาครัฐ