แบนเทคโนโลยี ‘หัวเว่ย’ ฉุดเยอรมนีล่าช้า ‘5จี’

แบนเทคโนโลยี ‘หัวเว่ย’ ฉุดเยอรมนีล่าช้า ‘5จี’

แบนเทคโนโลยี ‘หัวเว่ย’ ฉุดเยอรมนีล่าช้า ‘5จี’ ท่ามกลางสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยจากหลายประเทศในยุโรป

‘แองเกลา แมร์เคิล’ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ความหลากหลายเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประเทศ กรณีการนำเทคโนโลยี5จีมาใช้ในประเทศ และไม่เชื่อว่าการนำเทคโนโลยี5จีของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์มาใช้จะเพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ

ความเห็นของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี สอดคล้องกับท่าทีของบรรดาผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมในเยอรมนี ที่มองว่า การห้ามหัวเว่ยเข้ามามีส่วนร่วมในการวางเครือข่ายเทคโนโลยี5จีในประเทศจะยิ่งทำให้เยอรมนีล่าช้าในการพัฒนาระบบ5จีในประเทศออกไปอีกหลายปีและยังทำให้ต้องแบกรับต้นทุนคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในการเปิดเครือข่าย5จี

‘ฮอร์สต ซีโฮเฟอร์’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีเตือนว่าหากหัวเว่ยถูกกีดกันออกจากการเปิดตัวและใช้งาน 5จีจะทำให้ประเทศได้ใช้ 5จี ล่าช้าไปถึง 10 ปี และยังมองไม่เห็นโอกาสที่เยอรมนีจะสามารถติดตั้งโครงข่าย 5จีได้ในระยะเวลาอันสั้นหากไม่มีหัวเว่ยเข้ามาร่วมพัฒนาด้วย

157991450719

ซีโฮเฟอร์ ย้ำว่าเยอรมนีไม่ต้องการแบนหัวเว่ย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลยเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ประเด็นความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีสามารถปรับใช้มาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติมได้

และหลายประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศเมื่อวันอังคารว่าจะยอมให้เครือข่ายโทรคมนาคมในประเทศเดินหน้าการวางระบบเครือข่าย 5 จี โดยใช้อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย ขณะที่สหรัฐพยายามทุกวิถีทางเพื่อโน้มน้าวให้อียูมีคำสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนให้ได้

เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นประเทศหลักๆในสหภาพยุโรป ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ทำตามที่สหรัฐพยายามเกลี้ยกล่อมให้มีคำสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย ในการวางเครือข่าย 5 จี ในประเทศกลุ่มอียู เพียงแต่ย้ำว่าจะต้องมีการตรวจสอบและเฝ้าระวังภัยคุกคามที่มาจากเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น

เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐพยายามชักชวนประเทศอื่นๆทั่วโลก ไม่ให้ใช้อุปกรณ์หัวเว่ยในการวางเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง 5 จี โดยเตือนว่าเครือข่าย5 จี ของหัวเว่ย อาจเป็นการเปิดประตูให้จีนสามารถสอดแนมด้านความมั่นคงในประเทศที่เปิดรับเครือข่ายนี้ แต่หลายประเทศเลือกที่จะตัดสินใจในทิศทางตรงข้ามกับสหรัฐโดยเฉพาะอิตาลี ที่ไม่เพียงแต่อ้าแขนรับเทคโนโลยีจากบริษัทหัวเว่ย แต่ยังกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ยอมรับเงินทุนจากรัฐบาลปักกิ่ง ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน

1579914517100

ที่ผ่านมา มี 21 ประเทศในแถบยุโรปที่ยืนยันใช้เทคโนโลยี 5จี จากหัวเว่ย ประกอบด้วย อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, นอร์เวร์, อิตาลี, โมนาโก, สเปน, สวิสเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, เนเธอแลนด์, ฟินแลนด์, กรีซ, ไซปรัส, ออสเตรีย, โรมาเนีย, ฮังการี, ตุรกี, สวีเดน, รัสเซีย และเซอร์เบีย

ผู้ให้บริการเครือข่ายของสเปนอย่างเทเลโฟนิกา ก็ยืนยันว่าจะใช้เทคโนโลยี 5จี จากหัวเว่ยซึ่งทั้ง 2จี และ 4จีก็ใช้เป็นของแบรนด์จีนแล้วเช่นกัน รวมถึงผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในเยอรมนีก็จะใช้ 5จีของหัวเว่ยและโนเกียด้วย

การแสดงท่าทีสนับสนุนหัวเว่ยของเยอรมนีและชาติสมาชิกในอียู มีขึ้นหลังจาก‘เหริน เจิ้งเฟย’ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของหัวเว่ย กล่าวอย่างมั่นใจในเวทีประชุมที่เมืองดาวอสว่า บริษัทจะสามารถปกป้องตัวเองจากการคว่ำบาตรของสหรัฐในปีนี้ได้ และว่าการที่สหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากทางบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว

การขึ้นบัญชีดำของสหรัฐหมายถึงสั่งห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทหัวเว่ยซึ่งเหรินคาดว่าสหรัฐอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาให้กับหัวเว่ยบางประการ แต่จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก

“นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้จ้างที่ปรึกษาของสหรัฐให้สอนเราเกี่ยวกับระบบการจัดการ ฉะนั้น ที่เราประสบความสำเร็จได้ก็เพราะระบบการทำงานที่คล้ายคลึงกับสหรัฐ ซึ่งสหรัฐควรภาคภูมิใจ เนื่องจากโมเดลดังกล่าวมีส่วนช่วยในการพัฒนาของเรา” เหริน กล่าว

นอกจากนี้ เหริน ยังระบุด้วยว่า สหรัฐไม่จำเป็นจะต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับจีนมากเกินไป เนื่องจากจีนยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

157991452596

ช่วงปลายปีที่แล้ว 'ริชาร์ด หยู' ซีอีโอของหัวเว่ย เปิดตัวชิปเซ็ต คิริน 990 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยชิปเซ็ตนี้มีความจุกว่า10,000 ล้านทรานซิสเตอร์ ถือเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่รองรับระบบ 5จี ได้เหมาะสมและสมบูรณ์แบบในตัวเอง และจะอยู่ในสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ เมท30 และเมท30 โปร โดยจุดเด่นของชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดนี้อยู่ที่การประหยัดพลังงาน ระบบปัญญาประดิษฐ์ และศักยภาพที่รองรับอินเทอร์เน็ตความเร็วและแรงระดับ 5 จี