รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ยกระดับรักษา พัฒนาตึกอาพาธสงฆ์สู่รพ.ครบวงจร

รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ยกระดับรักษา พัฒนาตึกอาพาธสงฆ์สู่รพ.ครบวงจร

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ยกระดับระบบการรักษาผู้ป่วยสงฆ์ พัฒนาอาคารสงฆ์อาพาธ สู่โรงพยาบาลสงฆ์ เทียบเท่ากับ “โรงพยาบาลขนาดกลาง” รองรับสงฆ์อาพาธทั่วภาคเหนือกว่า 1 หมื่นราย

หลังจากที่สร้างมาเมื่อปี. 2482 และได้เปิดบริการเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ปีเดียวกัน ขณะนั้นพระภิกษุสามเณรที่มารับการรักษาที่รพ.แห่งนี้ ต้องปะปนกับบุคคลทั่วไป พระชาญวิธีเวชช์ รัฐมนตรีกระทรวงว่าการสาธารณสุขในขณะนั้น จึงแนะนำให้สร้างตึกสงฆ์สำหรับพระภิกษุ สามเณร ที่อาพาธให้แยกจากผู้ป่วยทั่วไป

ปี 2493 อาคารสงฆ์อาพาธหลังแรกถือกำเนิดขึ้น ด้วยการเปิดรับบริจาคจำนวน 304,305.50 บาท สร้างอาคาร 2 ชั้น ขนาดกว้าง 8.5 เมตร ยาว 22 เมตร ชั้นล่างเป็นห้องรวมรับผู้ป่วยได้ 12 เตียง ชั้นบนเป็นห้องแยก 6 ห้อง แต่จากการที่มีจำนวนภิกษุสามเณรเดินทางมารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่มากขึ้น จึงได้มีการหาทุนสร้างอาคารสงฆ์อาพาธแห่งที่ 2 ในปี 2506 ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ประกอบด้วย ห้องจัดพิธีทางศาสนา ห้องฉันเพล หน่วยเวชระเบียน ห้องตรวจผู้ป่วยนอก หอผู้ป่วยสงฆ์อาพาธ 1 จำนวน 16 เตียง หอผู้ป่วยสงฆ์อาพาธ 2 จำนวน 24 เตียง ใช้เงินในการก่อสร้างทั้งสิ้น 670,000 บาท

157985924564

หลังจากนั้นได้ขยายบริการ โดยมีพระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง บริจาคเงินจำนวน 55 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารสงฆ์หลังใหม่สูง 5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 7,080 ตารางเมตร มีเตียงทั่วไป 26 เตียง ห้องพิเศษ 19 ห้อง หอผู้ป่วยหนัก ห้องพิธีสงฆ์ และได้ให้ชื่ออาคารนี้ว่า “อาคารสงฆ์อาพาธสุจิตฺโต” ในปี 2547

  • จากอาคารสงฆ์อาพาธสู่รพ.สงฆ์

อาคารสงฆ์อาพาธสุจิตฺโต ได้เปิดใช้ตั้งแต่ปี 2547 กระทั่งปี. 2560 คณะผู้บริหารของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงคณะสงฆ์ เจ้าคณะสังฆาธิการของภาคเหนือ มีความเห็นร่วมกันว่าควรเพิ่มศักยภาพของตึกสงฆ์อาพาธให้สามารถ บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครบวงจร ให้มีความสามารถเทียบเท่ากับ “โรงพยาบาลขนาดกลาง” สามารถดูแลรักษาพระภิกษุสงฆ์ทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกอย่างได้มาตรฐาน โดยการให้มีแพทย์ประจำ เพิ่มจำนวนบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเพิ่มประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่เดิมให้มากที่สุด

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่าปัจจุบันได้พัฒนาขีดความสามารถการรักษาพยาบาลสงฆ์อาพาธให้เทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดกลางที่ได้มาตรฐาน โดยจัดให้มีอายุรแพทย์ประจำ เพิ่มศักยภาพในการวินิจฉัยโรค

157985924423

การรักษาพยาบาลให้มีเครื่องมือและสถานที่สำหรับทำหัตถการต่างๆ เอกซเรย์ ตรวจเลือด จ่ายยา ไตเทียม และรักษาผู้ป่วยวิกฤตได้ โดยให้มีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เฉพาะ บางรายเท่านั้นปัจจุบันมีพระภิกษุอาพาธแบบผู้ป่วยนอกประมาณ 50 รายต่อวัน ผู้ป่วยในประมาณ 15 รายต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือ

ชั้นที่ 1 จุดคัดกรองผู้ป่วย ห้องตรวจโรค 3 ห้อง ห้องทำหัตถการ ห้องเอกซเรย์ ห้องการเงิน ห้องจ่ายยา ห้องพิธีการสงฆ์ ห้องฉันภัตตาหาร ชั้นที่ 2 ห้องผู้ป่วยหนักจำนวน 4 ห้อง ห้องพักแพทย์ พยาบาล ชั้นที่ 3 หอผู้ป่วยใน เตียงรวมจำนวน 24 เตียง ห้องแยกจำนวน 2 ห้อง ห้องสวดมนต์ ชั้นที่ 4 หอผู้ป่วยในห้องเดี่ยวจำนวน 19 ห้อง ห้องสวดมนต์ และ ชั้นที่ 5 ห้องพิธีการสงฆ์ ห้องประชุม พิพิธภัณฑ์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ใช้งบประมาณก่อสร้างปรับปรุงรวมประมาณ 80 ล้านบาท เปิดให้บริกาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561

157985924455

  • ปี 62 สงฆ์อาพาธกว่า1หมื่นราย

ปี 2562 มีพระภิกษุสงฆ์อาพาธเข้ารับการรักษามากขึ้น จำนวน 11,301 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือ พบสงฆ์อาพาธผู้ป่วยนอก ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือด โรคเบาหวาน โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคกระดูกและข้อ ส่วนสงฆ์อาพาธที่เป็นผู้ป่วยใน พบป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง โรคตา โรคปอดบวม และโรคไตวาย ตามลำดับ รวมค่ารักษาต่อปีทั้งสิ้นกว่า 43,530,067 บาท 

ส่วนใหญ่พระสงฆ์เป็นโรคทั่วไป คือ มะเร็ง ความดัน เบาหวาน ตรงนี้เป็นปัญหาเพราะ พระฉันอาหารตามที่ญาติโยมถวาย ญาติโยมชอบถวายของมัน ของเค็ม เอาของที่ญาติโยมชอบ สำหรับพระสงฆ์สามารถใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สิทธิ 30 บาท) แต่ปกติพระสงฆ์เดินทางเข้าโรงพยาบาลที่ไม่ตรงกับสิทธิ เนื่องจากมีพระที่ธุดงค์ ทำให้พระที่ใช้สิทธิ 30 บาทในโรงพยาบลของเราไม่ถึง 30%”

157985924579

หลังจากมีการขยายให้เป็น รพ.สงฆ์ และมีการบริหารจัดการดีขึ้น ทำให้มีพระที่เข้ารักษาเพิ่มเป็น 2 เท่า จากแต่ก่อนราว 4,000 กว่าราย ปัจจุบันเพิ่มเป็นมากกว่า 1 หมื่นราย เพราะมีโรงเรียนแพทย์ที่รักษาโรคยาก ไม่ได้เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งในแต่ละปีโรงพยาบาลฯ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินสิทธิบัตรทอง โดยใช้เงินจากนิธิสงฆ์อาพาธ และเงินบำรุงโรงพยาบาลฯ กว่า 30,186,347 บาท

ประชาชนที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เพื่อพระภิกษุสงฆ์อาพาธ” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคณะแพทยศาสตร์ เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 566-4-95594-8 และสามารถบริจาคผ่าน Application SCB Easy ของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ mobile banking ของธนาคารอื่นๆ โดยสแกนผ่าน QR Code มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก (ใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้)