'อดีต ปธ.สภาฯ' ชี้กฎหมายงบประมาณต้องคว่ำทั้งฉบับ เหตุกดบัตรแทน

'อดีต ปธ.สภาฯ' ชี้กฎหมายงบประมาณต้องคว่ำทั้งฉบับ เหตุกดบัตรแทน

"โภคิน" ชี้กฎหมายงบประมาณ กระบวนการตราไม่ชอบด้วย รธน. ต้องตกทั้งฉบับ เหตุกดบัตรแทนทุกกรณีเป็นความผิดตามแนวศาล รธน.

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 63 ที่รัฐสภา นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า เมื่อประธานสภาฯ ได้ส่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่สำหรับส่วนตัวแล้วมีความเห็นว่าหากเป็นกรณีที่กระบวนการตราไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ร่างพระราชบัญญัติฯ จะต้องตกไปทั้งฉบับ เพราะถือว่าเป็นการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญในสาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178

นายโภคิน กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีแนวคำวินิจฉัยเมื่อปี 2557 มาแล้วว่าเมื่อกระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบย่อมจะต้องตกไปทั้งฉบับ ไม่ได้ตกไปเฉพาะบางมาตรา ซึ่งการให้บุคคลลงคะแนนแทนตนเองไม่ว่าจะอ้างด้วยเหตุผลใดย่อมฟังไม่ขึ้น แม้ผู้นั้นจะอยู่ในห้องประชุมขณะที่มีการลงคะแนนก็ตาม

อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ร่างพระราชบัญญัติฯ ตกไปทั้งฉบับจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการหาทางออกสำหรับกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถนำมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญมาปรับใช้ได้ เนื่องจากมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่กำหนดให้สภาฯ พิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณให้เสร็จภายใน 105 วัน หากไม่ทันตามกรอบเวลาจะให้ถือว่าสภาฯได้ให้ความเห็นชอบและตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอและส่งให้วุฒิสภาต่อไป แต่สำหรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกรณีที่เรื่องกระบวนการตราที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จะมาอ้างไมได้ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ร่างกฎหมายงบประมาณที่สภาฯแก้ไขตกไปทั้งฉบับจะนำร่างกฎหมายงบประมาณฉบับของคณะรัฐมนตรีมาบังคับใช้ เพราะเป็นคนละกรณีกัน



เมื่อถามว่า รัฐบาลสามารถตราพระราชกำหนดเพื่อบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯได้หรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นการเฉพาะว่าการจ่ายเงินแผ่นดินและการจัดทำงบประมาณจะต้องกระทำเป็นพระราชบัญญัติเท่านั้น อีกทั้งรัฐธรรมนูญยังได้บัญญัติเป็นการเฉพาะด้วยว่ากรณีใดบ้างที่คณะรัฐมนตรีสามารถตราพระราชกำหนดได้บ้าง จึงเห็นว่าการตราพระราชกำหนดในกรณีนี้ย่อมไม่สามารถกระทำได้ เพราะหากทำเช่นนั้นจะเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ